> Trendtalk > SIRI

12 มกราคม 2022 เวลา 06:10 น.

SIRI

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1665 หลังจากปรับตัวลดลงไปสร้างฐานที่บริเวณ 1655 ทำให้แนวโน้มหลักมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1675 และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1700


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ SIRI หรือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็น 1. ธุรกิจเพื่อขาย โดยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง 2. ธุรกิจเพื่อให้เช่าอาคารสำนักงาน และอาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นโครงการที่ขายสิทธิการเช่า และธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์


ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 64 มีกำไรสุทธิ 628 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.037 บาท กำไรลดลง เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 64 ที่กำไรสุทธิ 764 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.048 บาท


สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 64 มีกำไรสุทธิ 1,674 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.096 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 1,084 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.071 บาท


นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทเตรียมแผนงานรุกหนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในครั้งใหม่เพื่อรับตลาดรวมฟื้นตัวและลูกค้าต่างชาติจะทยอยกลับมา ขณะที่โครงการในสต็อกลดน้อยลง บริษัทจึงมีแผนเปิดโครงการใหม่ถึง 46 โครงการ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 28 โครงการ และคอนโดมิเนียม 18 โครงการ


ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายและยอดโอนในปี 65 ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท จากปี 64 บริษัททำยอดขายได้ราว 3.35 หมื่นล้านบาท และยอดโอนราว 3.25 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่จะรับรู้เข้ามาในปีนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท


สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะมีสัดส่วนโครงการในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable Segment) มากถึง 50% เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมราคาเข้าถึงได้แบรนด์ คอนโด มี, เดอะ มูฟ, ดีคอนโด, เดอะ ไลน์ พร้อมไฮไลท์ด้วยการรุกคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส ที่จะเปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4.5 พันล้านบาทในปีนี้


ด้านแนวราบ ก็จะเปิดโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันความต้องการซื้อยังมีอยู่มาก และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยที่วางแผนเปิดตัวทาวน์โฮมราคาเข้าถึงง่าย แบรนด์ สิริ เพลส จำนวน 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6.1 พันล้านบาท รวมทั้งบ้านและทาวน์โฮม แบรนด์ อณาสิริ ที่ลูกค้าให้การตอบรับค่อนข้างสูงในปีที่ผ่านมา เพื่อตอบรับความต้องการหลากหลาย พร้อมรุกแบรนด์ สราญสิริ พร้อมเผยโฉมใหม่บ้านเดี่ยวแบรนด์ สราญสิริ ดีไซน์ใหม่ ครองความเป็นผู้นำบ้านเดี่ยวระดับบนด้วยการเปิดตัวแบรนด์ "บุราสิริ และเศรษฐสิริ" ต่อเนื่อ รวมทั้งต่อยอดความสำเร็จของ Exclusive Modern Residence แบรนด์ "บูก้าน" และไฮไลท์สำคัญของโครงการแนวราบ ด้วยการกลับมาของบ้านเดี่ยว Luxury แบรนด์ "นาราสิริ" 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8.3 พันล้านบาท โดยมองถึงความแข็งแกร่งระยะยาว 3 ปี เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 1.5 แสนล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 1.2 แสนล้านบาท


บริษัทประเมินภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 65 มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง จากภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศกลับมาดีขึ้นจากความคาดหวังกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเดินหน้าได้ปกติ ไม่มีการล็อกดาวน์ ทำให้คนกลับมาใช้ชีวิตทำงานได้ตามปกติ มีรายได้เข้ามา รวมถึงการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งจะทำให้ลูกค้าต่างชาติกลับมาอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จึงทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการกลับมารุกเปิดโครงการใหม่มากขึ้นอีกครั้ง บริษัทยังจะสนับสนุนให้โครงการ แสนสิริ ต้องใช้พลังงานสะอาด ด้วยการติดตั้ง Solar Roof ในส่วนกลางของโครงการใหม่ 100% รวมทั้ง ติดตั้ง Solar Roof ในบ้านทุกหลังของโครงการใหม่ในระดับบน 100% พร้อมไฟในสวนต้องเป็นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ 100% ทุกโครงการในปีนี้ เช่นเดียวกับไฟถนนจะเป็นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะเริ่มในปีนี้ และผลักดันให้เพิ่มขึ้นเป็น 100% ในอนาคต


บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ราว 8 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการบางส่วนในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป โดยที่ปัจจุบันสต็อกของบริษัทถือว่าลดลงไปค่อนข้างมากแล้ว หลังจากในช่วงปี 63-64 บริษัทเน้นการทำโปรโมชั่นและลดราคาโครงการในสต็อกส่งผลให้สต็อกเหลืออยู่ไม่มาก แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม มูลค่ารวมเหลืออยู่ไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท และแนวราบที่มีไม่ถึง 2 พันล้านบาท


สำหรับธุรกิจสินทมรัพย์ดิจิทัลที่บริษัทได้ลงทุนผ่าน บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ว่า แผนงานต่างๆทางผู้บริหารของ XPG จะประกาศให้ทราบอีกครั้ง ซึ่งบริษัทยืนยันว่ายังมองเห็นอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะเข้ามามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคต แต่อาจจะยังต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปี เนื่องจากปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลยังเน้นไปที่การลงทุนและการเก็งกำไรเป็นหลัก ยังไม่ได้มีการใช้งานในวงกว้าง ดังนั้น มองว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะกว่าที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจและยอมรับ ประกอบกับจะต้องมีกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับต่างๆที่เข้ามาดูแลให้สินทรัพย์ดิจิทม่สามารถใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคไปทดสอบแนวต้านสำคัญของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 1.30 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.40 และ 1.50 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.25 ลงไป จะเป็นสัญญาณขายหุ้นออกไปก่อน



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X