ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ส่องหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 60.80 บาท จากมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง GRM ที่จะดีขึ้น มีโอกาสปรับเพิ่มมูลค่าในระยะยาวตามวัฏจักรอุตสาหกรรมและโครงการ CFP คาดกำไรไตรมาส 4/64 เพิ่มขึ้น 138% QoQ เป็น 4.9 พันลบ. จาก GRM ที่ดีขึ้น กำลังกลั่นที่มากขึ้น และกำไรจากสต็อกน้ำมัน กำไรปกติไตรมาส 1/65 ยังคงแข็งแกร่ง Upside ของ GRM มาจากการปรับโครงสร้างตลาดน้ำมันในจีนเพื่อลดการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง อุปทานในภูมิภาคที่ตึงตัวขึ้น Downside มาจากโครงการ CFP ที่ล่าช้า

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของ TOP ในไตรมาส 4/2564 จะอยู่ที่ 4.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 138% QoQ แต่ลดลง 32% YoY กำไรที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ มีสาเหตุมาจาก 1) GRM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 5.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล จาก 1.6 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล 2) กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้นเป็น 109% จาก 92% 3) กำไรจากสต็อกน้ำมันที่ 2.3 พันลบ. (ลดลง 41% QoQ) แม้ว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในไตรมาสนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม กำไรที่ปรับลดลงเชิง YoY คาดจะมีสาเหตุมาจากไม่มีกาไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC จำนวน 5.8 พันลบ. แต่หากไม่รวมรายได้พิเศษนี้ กำไรปกติไตรมาส 4/2564 จะพลิกกลับจากขาดทุนปกติ 477 ลบ. เป็นกำไร 2.8 พันลบ. ด้วยสาเหตุหลักจาก GRM ที่สูงขึ้น และกำลังการกลั่นที่มากขึ้นจากแนวโน้มผลกำไรไตรมาส 4/2564 นี้ กำไรสุทธิปี 2564 น่าจะอยู่ที่ 1.25 หมื่นลบ. พลิกจากขาดทุนสุทธิ 3.2 พันลบ. ในปี 2563 และสูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัย 20% จากกาไรจากสต็อกน้ำมันในไตรมาส 4/2564 ที่มากขึ้น

แนวโน้มไตรมาส 1/2565 คาดกำไรปกติยังแข็งแกร่ง QoQ จาก GRM และกำลังการกลันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนส่วนต่างของอะโรแมติกส์ที่ปรับเพิ่มในช่วงที่ผ่านมาก ทั้งนี้ ในเชิง QTD GRM สิงคโปร์ลดลงเล็กน้อยจาก 6.1 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล เป็น 5.9 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล ขณะที่ PX และ BZ margin เพิ่มขึ้น 30-50 ดอลลาร์ฯ/ตัน อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทฯ น่าจะได้รับผลกระทบจากผลขาดทุน FX ที่อาจเกิดขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ในขณะที่ตัวแปรสาคัญคือระดับกำไรจากสต็อกน้ำมัน

ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าอาจมี Upside ต่อสมมุติฐาน GRM สิงคโปร์ในปี 2565 ของฝ่ายวิจัยที่ 4 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล เนื่องจากจีนกำลังดำเนินการปรับโครงสร้างงตลาดน้ำมันในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดการป ล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรมโรงกลั่นเอกชน (Teapot) โดยรัฐบาลจีนปรับลดโควต้าการนำเข้าน้ำมันดิบลง 11% สำหรับโควต้าชุดแรกในปี 2565 ในขณะเดียวกัน ปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินดีเซล และน้ำมันเครื่องบินที่ได้รับอนุญาตในการส่งออกสำหรับโควต้า ชุดแรกในปี 2565 ถูกปรับลดลง 56% YoY ทั้งนี้ มาตรการเหล่านี้บ่งบอกถึงการควบคุมการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไม่ให้มากเกินไป และเป็นการจากัดการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังต่างประเทศ ซึ่งในที่สุดแล้วจะช่วยทำให้ความสมดุลอุปสงค์/อุปทานของตลาดน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคดีขึ้น

มี Downside จากความล่าช้าของโครงการ CFP ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ถึง Downside ที่เกิดการเลื่อนสมมุติฐานวันที่โครงการ CFP จะแล้วเสร็จ จากในไตรมาส 3/2566 ไปเป็นไตรมาส 1/2567 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ตั้งสมมุติฐานว่าโครงการจะล่าช้าประมาณ 6 เดือนจากเป้าหมาย COD ของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2566 แต่หากโครงการล่าช้าออกไปอีก ทั้งนี้คาดว่ากำไรสุทธิปี 2566 จะลดลง 33% เป็ น 8.2 พันลบ. หรือกระทบต่อราคาเป้าหมายปี 2565 ของฝ่ายวิจัยประมาณ 1.8 บาท

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 60.80 บาท คำแนะนำของฝ่ายวิจัยอิงจากมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง และความคาดหวังว่าอุตสาหกรรมโรงกลั่นจะกลับสู่วัฏจักรขาขึ้นในปี 2566 ทั้งนี้ TOP ซื้อขายด้วย PBV ปี 2565 ที่ 0.86 เท่า เทียบกับของคู่แข่งที่ 1.01 เท่า คาดว่ามีโอกาสที่มูลค่าหุ้น TOP จะซื้อขายในระดับที่สูงขึ้นอีกหลังจาก GRM ปรับเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเพิ่มอัตราผลตอบแทนผูถื้อหุ้น (ROE) ให้เพิ่มสูงกว่าต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของเงินทุน (WACC) ภายในปี 2566 อีกทั้งการเริ่มดำเนินการผลิตของโครงการ CFP ในปี 2567 จะอยู่ในช่วงวัฏจักรขาขนึ้ ของอุตสาหกรรม ดังนั้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TOP ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 60.8 บาท อิงจาก PBV ที่ 0.96 เท่า

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1