'หยวนต้า' เสิร์ฟ 9 หุ้นปันผลเด่น เปิด 3 เหตุผลโอกาส Outperform

ทันหุ้น - บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินหุ้นปันผลมีโอกาส Outperform ตลาดในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าจาก 3 เหตุผล คือ 1)ปัจจัยด้านฤดูกาล โดยฝ่ายวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ 5 ปีย้อนหลังผ่าน Index Ratio ระหว่าง SETHD :SET พบว่า SETHD จะเคลื่อนไหวดีกว่า SET ในเดือนก.พ.และมี.ค.ของทุกปีที่ระดับ 1.9% และ 2.6% ตามลำดับ 2)หุ้นปันผลสามารถดูดซับแรงกดดันจาก Earning Yield Gap ที่ลดลงจากผลของ Bond Yield ที่ไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องได้บางส่วนทำให้หุ้นที่จ่ายปันผลสูงสม่ำเสมอมักถูกใช้เป็นแหล่งพักเงินในช่วงเริ่มต้นของวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น 3)หลายบริษัทมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลของรอบปี 2564 สูงกว่าค่าเฉลี่ยจากผลประกอบการที่ฟื้นตัวเร็ว และเป็นการชดเชยเงินปันผลที่ไม่ได้จ่ายหรือจ่ายได้น้อยกว่าปกติในปี 2563 

ฝ่ายวิจัยได้คัดกรองหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูงช่วงที่เหลือของปี 2564 จาก Yuanta Universe พบว่ามี 7 กลุ่มที่น่าสนใจ คือพลังงาน,ปิโตรเคมี,ธนาคารพาณิชย์,อสังหาริมทรัพย์,การแพทย์,ยานยนต์,Small Cap.และมี 9 หุ้น ที่คาดการณ์ผลตอบแทนจากเงินปันผลเกิน 3% ซึ่งมองว่าน่าสนใจสำหรับการนำไปเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพอร์ตการลงทุน คือ TISCO, KKP,BBL,BCP, IRPC,AP, ORI,NER, ,STI

ฤดูกาลเงินปันผลกำลังเริ่มต้นขึ้น จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณโดยอิงข้อมูลสถิติ 5 ปีย้อนหลังระหว่างปี 2560-2564 ฝ่ายวิจัยพบปัจจัยฤดูกาลในการเคลื่อนไหวของ SETHD Index หรือ SET High Dividend 30 Index ที่เป็นตัวแทนของหุ้นจ่ายปันผลดีสม่าเสมอ 30 หลักทรัพย์ เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของ SET Index โดยได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ผ่าน Index Ratio ระหว่าง SETHD : SET ของข้อมูลรายสัปดาห์ เพื่อพิจารณาภาวะ Outperform และ Underperform ของ SETHD เมื่อเทียบกับ SET ซึ่งได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า SETHD จะ Outperform เมื่อเทียบกับ SET ใน 2 ช่วงเวลา คือ มี.ค.-เม.ย.และ ส.ค.-ก.ย. ตามฤดูกาลประกาศจ่ายปันผลของบริษัท 

สำหรับภาวะ Outperform ที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ ช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย. ของแต่ละปี เพราะเป็นฤดูการจ่ายปันผลของเกือบทุกบริษัทที่มีศักยภาพในการจ่ายปันผลได้ โดยถ้าพิจารณาผลตอบแทนเชิงเปรียบเทียบ พบว่า SETHD จะเคลื่อนไหวดีกว่า SET (ขึ้นมากกว่า หรือลงน้อยกว่า) ในระดับ 0.6%-2.6% บนสมมติฐานการซื้อหุ้นใน SETHD สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ม.ค. แล้วไปขายสิ้นเดือน ก.พ.(+1.9%), สิ้นเดือนมี.ค.(+2.6%), และสิ้นเดือน เม.ย.(+0.6%) ตามลำดับ 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยพบว่าการถือไปขายปลายเดือนมี.ค. จะเป็นช่วงเวลาที่ชนะตลาดได้มากที่สุด ด้วยความน่าจะเป็นในการชนะ SET Index สูงถึง 100% เพราะฉะนั้น จึงได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าการลงทุนในหุ้นปันผลสัปดาห์สุดท้ายของเดือนม.ค. 2565 จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเอาชนะตลาดที่กาลังเข้าสู่วงจรของความผันผวนตลอด 1-2 เดือนข้างหน้านี้ได้

ประเทศไทยให้ปันผลในระดับใช้ได้ อิงข้อมูลคาดการณ์เงินปันผลปี 2565 ของ SET Index จาก Bloomberg ที่ระดับ 2.6% ต่อปี ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งโลก แต่ถ้าเทียบกับประเทศแถบเอเชียโดยเฉพาะกลุ่ม TIPs ถือว่าอยู่ในระดับ Outperform โดยทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ใ ห้เงินปันผลเฉลี่ยเท่ากันคือ 1.9% ต่อปี ซึ่งถ้าพิจารณาประกอบกับปัจจัยเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อและการลดสภาพคล่องของ FED และ ECB ที่ล้วนเป็นตัวแปรหนุนให้ Bond Yield ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น และกดดัน Earning Yield Gap ให้อ่อนตัวลง คาดว่าตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ย จะผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำกว่า เนื่องจากสามารถชดเชยผลกระทบจาก Earning Yield Gap ที่อ่อนตัวลงได้บางส่วนนั่นเอง เพราะฉะนั้นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ จึงควรจะได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าว น้อยกว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำและไม่สม่ำเสมอด้วยเช่นกัน 

Forecast Dividend Yield 2H21

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1