CPN 'กสิกรไทย' คงกำไร-เป้าหมาย มองบวกการปรับแผนธุรกิจใหม่

#CPN #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ส่องหุ้น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN จะใช้เงิน 1.2 แสนลบ. ในอีก 5 ปีข้างหน้าเพื่อเพิ่มจำนวนโครงการ 2 เท่าเป็น 186 โครงการ โดยมี Retail-Led Mixed-Use Development เป็นกลยุทธ์หลัก ถึงแม้ธุรกิจโรงแรมและที่อยู่อาศัยจะถูกวางแผนให้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่การใช้จ่ายส่วนใหญ่จะยังคงเน้นที่ธุรกิจค้าปลีก แม้จะทำให้เกิด upside risk ต่อประมาณการ จนกว่ารายละเอียดจะถูกเปิดเผย คงประมาณการกำไร คำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายกลางปี 2566 ที่ 66.5 บาท

โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาจะเพิ่มเป็น 2 เท่าใน 5 ปี เมื่อวานนี้ CPN ประกาศแผนธุรกิจ 5 ปี โดยเตรียมทุ่มเงินจำนวน 1.2 แสนลบ. เพื่อเพิ่มจำนวนโครงการเป็น 2 เท่า จาก 89 โครงการ ในไตรมาส 1/2565 เป็น 186 โครงการ ภายในปี 2569 พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้สร้างสถานที่และประสบการณ์ในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนในกว่า 30 จังหวัด และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ต้องการช้อปปิ้ง ใช้ชีวิต ทำงาน และท่องเที่ยว หน่วยธุรกิจหลัก 4 หน่วย ได้แก่ ศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย โรงแรม และอาคารสำนักงาน ภายใต้แนวคิด “การพัฒนาแบบผสมผสานที่นำโดยห้างสรรพสินค้า” (Retail-Led Mixed-Use Development) จะเป็นคอนเซปหลักที่จะถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง

ประโยชน์จากการผนึกกำลังที่แข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นจากกลยุทธ์ Retail-Led Mixed-Use Development คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CPN เปิดเผยว่าบริษัทฯ กำลังขยายธุรกิจภายใต้วัตถุประสงค์ของแบรนด์ “จินตนาการอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน” เพื่อสร้างและพัฒนาสถานที่ที่มีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์สำหรับประชาชน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยแต่ละโครงการของ CPN จะกลายเป็น Retail-Led Mixed-Use Development ที่ประกอบด้วยองค์ประกอบแบบบูรณาการอย่างครบถ้วนมากกว่าหนึ่งองค์ประกอบ จากกลยุทธ์นี้

โดยหน่วยธุรกิจทั้ง 4 จะสร้างประโยชน์จากการผนึกกำลังครั้งใหญ่ซึ่งกันและกัน หลังถูกนามารวมกันและอยู่ในที่เดียวกัน และสามารถสร้างความแตกต่างและพลังมหาศาลให้กับโครงการได้ นอกจากแนวคิดการลงทุนที่กล่าวข้างต้นแล้ว CPN ยังมีสินทรัพย์ทางเลือกและต้องการขยายหรือลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับธุรกิจหลักและเติมเต็มระบบนิเวศ CPN ได้ผนึกกาลังกับแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารอย่าง Grab ลงทุนในถานที่ให้เช่าทางานร่วมกับคนอื่นๆ (co-working space) อย่าง Common Ground และเตรียมลงทุนในธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capita) โดยรายละเอียดจะถูกเปิดเผยเร็วๆ นี้

ธุรกิจศูนย์การค้าจะได้รับงบประมาณสูงสุด แม้จะมีโครงการที่อยู่อาศัยและโรงแรมใหม่ที่จะมีจำนวนที่เพิ่มมากกว่าก็ตาม CPN ตั้งเป้าขยายธุรกิจ 1) พื้นที่ค้าปลีก(ห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์) เป็น 2.7 ล้านตร.ม. เพิ่มขึ้น 19.7% ในไทยและภูมิภาค(มาเลเซียและเวียดนาม) เริ่มตั้งแต่ เซ็นทรัล จันทบุรี ทีจะเปิดโครงการในวันที่ 26 พ.ค. และมาร์เช่ ทองหล่อ ในไตรมาส 4/2565 2) โครงการที่อยู่อาศัยเป็น 68 แห่ง เพิ่มขึ้น 209% ภายใต้ 6 แบรนด์ ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ (คอนโดบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ) และกลุ่มการตลาด

3) โรงแรมเป็น 37 โครงการ เพิ่มขึ้น 1,750% จากปัจจุบัน 2 โรงแรมครอบคลุม 3 กลุ่มการตลาด (กลุ่มการตลาดบนภายใต้แบรนด์ เซ็นทารา กลุ่มระดับกลางที่เน้นไลฟ์สไตล์ และกลุ่มลูกค้าระดับบนของกลุ่มการตลาดแบบประหยัด ซึ่งแบรนด์จะแจ้งให้ทราบภายหลัง) โดยจะเริ่มจาก ชลบุรี นครราชสีมา และอุบลราชธานี และ 4) สำนักงานเป็น 13 โครงการ เพิ่มขึ้น 30% (รวม ดุสิต เซ็นทรัลปาร์ค เอ็มบาสซี 2 และพระราม 9) แม้ว่าธุรกิจที่อยู่อาศัยและโรงแรมจะเพิ่มจำนวนโครงการของ CPN ให้มากขึ้นมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ฝ่ายวิจัยมองว่างบประมาณการลงทุนประมาณครึ่งหนึ่งจะนำไปใช้ในธุรกิจศูนย์การค้าของบริษัท

ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ถือ” CPN และราคาเป้าหมายกลางปี 2566 ที่ 66.5 บาท แม้ฝ่ายวิจัยจะมีมุมมองเชิงบวกต่อการประกาศแผนธุรกิจใหม่ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของบริษัทต่อแนวโน้มธุรกิจและกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ชัดเจน จนกว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดการลงทุนที่ชัดเจน ปัจจุบันจึงยังไม่ได้รวมแผนพัฒนาโครงการใหม่ในประมาณการ หากมองในระยะสั้น แม้ว่าแนวโน้มการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจากผลการดำเนินงานที่ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ห้างสรรพสินค้าที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่สูงขึ้น แต่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลต่อต้นทุนทางการเงินและมูลค่าหุ้น ยิ่งไปกว่านั้นในมุมมองของฝ่ายวิจัยการเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ของราคาหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้รวมเอาแนวโน้มเชิงบวกของการกลับมาเปิดประเทศในระดับหนึ่งแล้ว