#ออมสิน # ทันหุ้น – ธ.ออมสิน ผนึก TIPH และ BCP รุกธุรกิจสินเชื่อที่ดิน-ขายฝาก-และสินเชื่อส่วนบุคคล หวังกดดอกเบี้ยในอุตสาหกรรมลง 3-7% เพื่อช่วย SME และประชาชนทั่วไป ตั้งเป้าพอร์ตสินชื่อใหม่ทั้งปี 1-2 หมื่นล้านบาท มั่นใจส่งเสริมตลาดแข่งขันสมบูรณ์ สร้างแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรมของประชาชน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP จัดตั้ง บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อจำนำที่ดิน – ขายฝากที่ดิน และตั้งเป้าที่จะรุกเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนทั่วไปให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนถูกลง และมีเงื่อนไขการกู้ที่เป็นธรรม 

มีที่มีเงินประเดิมQ3

ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3/2565  จากนั้นธนาคารจะโอนพอร์ต “สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน” ซึ่งธนาคารเปิดให้กู้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2563 ที่ผ่านมารวมกว่า 2.1 หมื่นล้านบาทเข้ามาในบริษัทร่วมทุนนี้ และจะเริ่มให้บริการ “สินเชื่อ จำที่ดิน อัตราดอกเบี้ย 7-9% ต่อปี จากนั้นขยายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ ธุรกิจขายฝากที่ดินภายในสิ้นปี 2565 ก่อนจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Non-Bank ในปี 2566 เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลต่อไป ตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งปี 2565 ประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท 

“อัตราดอกเบี้ยการจำนำที่ดิน – ขายฝากปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูง และในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลก็สูงมากเช่นกันเฉลี่ย 28-33% ดังนั้นการเข้ามาของ สินเชื่อ มีที่ มีเงิน ครั้งนี้คาดหวังจะดึงอัตราดอกเบี้ยในอุตสาหกรรมลง ให้ได้ประมาณ 3-7% ซึ่งเป็นจุดที่บริษัทก็ยังมีกำไร และยังสามารถลดภาระประชาชนลงได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถทำได้แล้วในธุรกิจจำนำทะเบียนรถ”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการร่วมลงทุนในธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก เพื่อต่อยอดโครงการ มีที่ มีเงิน ที่ริเริ่มโดยธนาคารออมสิน โดย BCP จะขายหุ้นในบริษัท บีซีวี ไบโอเบส จำกัด (BCVB) บริษัทย่อยของ BCP ที่ถือหุ้น 100% (ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท) ให้แก่ ธนาคารออมสิน และ TIPH ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ได้ตกลงกัน จากนั้นจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้วเสร็จภายใน ไตรมาส 3/2565

TIPHลุยธุรกิจมีอนาคต

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวว่า การร่วมทุนครั้งนี้ TIPH ถือหุ้นในสัดส่วน 31% ธนาคารออมสิน ถือหุ้นสัดส่วน 49%, และ BCP ถือหุ้นในสัดส่วน 20% โดยคาดว่าจะให้ความช่วยเหลือ SME และประชาชนทั่วไปให้เข้าถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากทั้ง 3 องค์กรเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีสาขาธนาคาร, ปั๊มน้ำมันรวมกันกว่า 2,300 แห่ง อีกทั้งยังมีตัวแทนประกันฯ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ

“การร่วมทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์การลงทุนของ TIPH ที่ต้องการขยายการลงทุนไปในธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะธุรกิจที่สอดคล้องกับลักษณะการดำเนินธุรกิจหลักของ TIPH ทั้งนี้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ยังถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่สำหรับธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ที่จะเข้ามาช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น”

TIPH มีความเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ประชาชนที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพด้วยดอกเบี้ยที่มีความเป็นธรรม และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของภาคประชาชนได้ ซึ่งการร่วมลงทุนบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัดในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ TIPH และบริษัทในเครือ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมไทย ในภาวะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้ การร่วมทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการขยายการลงทุนไปในธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัยในฐานะธุรกิจหลักของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ของธุรกิจในโลกอนาคต เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่สำหรับธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ที่จะเข้ามาช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น