#แบงก์ #ทันหุ้น – ดอกเบี้ยไทยส่งกลิ่นปรับขึ้นตามเฟด กูรูการเงิน “ดร.จิติพล  พฤกษาเมธานันท์” ชี้เป็นเรื่องท้าทาย ธปท. ในการหาจุดเหมาะสม คาดปรับเพิ่มเป็น 1% ปีนี้ เศรษฐกิจรับได้ แนะจัดพอร์ตเข้าแบงก์ ด้านนักวิเคราะห์ประสานเสียงขึ้นดอกเบี้ย ชี้กลุ่มแบงก์ถึงเวลาให้ค่าเพิ่ม ROE กำลังไต่ระดับ มอง BBL ได้ประโยชน์ขึ้นดอกเบี้ยสูง แต่ยังเชียร์ KBANK เป้า 190 บาท

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ในส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีแรงกดดันเช่นเดียวกันทั้งในด้านของค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นความท้าทายของ ธปท. ที่ส่วนใหญ่ไทยมักใช้นโยบายการเงินปัญหาเศรษฐกิจ แต่ครั้งนี้จะเป็นการใช้นโยบายการเงินเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงมากครั้งแรกนับตั้งแต่มี คณะกรรมการนโยบายการเงินปี 2000

โดยมองว่า ธปท. มีโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ที่ 0.50% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายมาแตะ 1% ทั้งนี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของทุกๆ  0.25% จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง 0.25-0.30% ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยราว 0.50% จะกดลดจีดีพีให้ลดลงมาอยู่ที่ 2%ถือว่าเป็นระดับที่พอรับได้ และตลาดไม่มีความกังวลกับการผิดนัดชำระหนี้มากนัก แต่ถ้าขึ้นดอกเบี้ยมากกว่านี้เศรษฐกิจจะเสี่ยงถดถอยถือเป็นจุดที่ต้องระมัดระวัง

“การขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. อาจจะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่ได้อานิสงส์กับดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มธนาคาร และประกัน แต่หากขึ้นดอกเบี้ยปรับขึ้นมากกว่า 0.50% ต้องคิดหนักว่าอาจจะเจอปัญหาเหมือนสหรัฐ ด้วยความเสี่ยงเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อให้ได้เงินจาก NIM ที่สูงขึ้น อาจไม่เพียงพอที่จะซัพพอร์ตส่วนของหนี้ NPLs ที่มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 1% จะดึง NPLs แตะระดับ 1% ได้เช่นกัน”

สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนกรณีที่เงินเฟ้ออยู่ยาว 1-2 ปี หรือนานกว่านั้น ตลาดจะเปลี่ยนกลุ่มลงทุนเข้ามาในกลุ่มธนาคารพาณิชย์, พลังงาน หรือวัสดุก่อสร้าง สามารถเพิ่มเข้ามาในพอร์ตได้ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง รวมถึงการลงทุนทางเลือก (Alternative Assets) อาทิ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์นอกตลาด เช่น สินแร่ ทองคำ ทองแดง เงิน ลิเทียม สามารถเพิ่มสัดส่วนลงทุนได้ เข้ามาในพอร์ตราว 10-15% เป็นอย่างน้อย

@หุ้นแบงก์ถึงเวลาให้ค่ามากขึ้น

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สถานการณ์หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มในเชิงบวก ณ ขณะนี้ กับกระแสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยเองซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และที่สำคัญส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทยและเงินเฟ้อปัจจุบันนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย ปกติจะไม่เกิน 2-3% แต่ปัจจุบันห่างถึง 6% ดังนั้นแบงก์ชาติต้องขึ้นดอกเบี้ย แต่มองว่าจะไม่ได้ขึ้นไปปิดส่วนต่างทันที มิเช่นนั้นเศรษฐกิจมีโอกาสพัง โดยส่วนตัวมองว่าจะขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง และปีหน้าขึ้นอีก 3 ครั้ง

ดอกเบี้ยที่ขึ้นจะส่งผลดีกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทันที เนื่องจากการลงทุนหุ้นแบงก์ส่วนใหญ่นักลงทุนมักจะให้ค่าตัวเลข ROE หรือผลตอบแทนต่อส่วนทุน ซึ่งปัจจุบันแบงก์ใหญ่มี ROE ที่ต่ำ โดยเฉพาะ BBL มี ROE ที่ 5.6% KBANK อยู่ที่ระดับ 8.5% SCB อยู่ที่ระดับ 8.7% KTB อยู่ที่ระดับ 7.7% TTB อยู่ที่ระดับ 6% ด้วย ROE ที่ต่ำทำให้หุ้นแบงก์จึงซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งการขยับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลดีให้แบงก์มี ROE ที่สูงขึ้นและจะทำให้นักลงทุนให้ค่ามากขึ้นได้

เบื้องต้นประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ขึ้นทุกๆ 0.25% จะมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารราว 3-4% ซึ่งธนาคารขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นโดยตรง คาดการณ์ว่าธนาคารที่ได้ประโยชน์จากมากไปหาน้อย คือ BBL, KTB, KBANK และ SCB

ยังให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มนี้มากกว่าตลาด เพราะ Valuation ยังถูก โดยเลือกหุ้น KBANK เป็นหุ้น Top Pick ให้ราคาเป้าหมายที่ 190 บาทต่อหุ้น เพราะเป็นธนาคารที่เน้นดิจิทัลต่อเนื่องและชัดเจนตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ขณะที่สินเชื่อภาคการท่องเที่ยวจะทยอยเห็นการฟื้นตัวได้ดีในครึ่งหลังปีนี้ จากการเริ่มเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ส่วน BBL ราคาเป้าหมาย 146 บาท SCB ราคาเป้าหมาย  150 บาท KTB ราคาเป้าหมาย 16 บาท

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

[email protected] คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1