#KBANK #ทันหุ้น - สวัสดีครับท่านนักลงทุน ตลาดปรับลงแรงและหลุด 1600 จุด เป็นครั้งที่สามของปีนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่มีมากขึ้น ทำให้ธนาคารกลางหลายประเทศรวมทั้ง ธปท. เริ่มส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย สร้างแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งในประเทศยังมีแรงขายจากกลุ่มโรงกลั่นหลังมีข่าวรัฐบาลขอความร่วมมือให้โรงกลั่นนำส่งกำไรส่วนเกินเข้ากองทุนน้ำมันเป็นเวลา 3 เดือน กดดันให้ Fund Flow พลิกไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยตั้งแต่ 1 มิ.ย. ถึง 20 มิ.ย. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปกว่า 2.4 หมื่นลบ. ทั้งนี้ แม้ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสรีบาวน์ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม มองกรอบบนยังถูกจำกัด บริเวณที่ 1600 จุด จากแนวรับกลายเป็นแนวต้านไปแล้วโดยตลาดยังขาดปัจจัยบวกที่จะหนุนให้เกิดจุดกลับตัวของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ และความเสี่ยงหลักยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดยมองผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ ซึ่งทำให้เกิดวิกฤตราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น จะสร้างความกังวลต่อการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ เพื่อสกัดเงินเฟ้อส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงหรือเกิดภาวะถดถอย ทำให้ภาพการลงทุนช่วงนี้ยังมีความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอย่าเพิ่งถอดใจ หนีหายจากตลาดไปนะครับ เนื่องจากผมมองว่า แม้ตลาดในภาพรวมยังไม่ดี แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่เราสามารถหาผลตอบแทนได้ ดังนั้น กลยุทธ์ Selective Buy ที่ผมพูดถึงมาตลอด ถือว่ายังเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเน้นในกลุ่มหุ้นที่ปลอดภัยและมีการฟื้นตัวของกำไรชัดเจน ดังนี้ 1) กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เลือก KBANK BBL BLA THREL ซึ่งคาดราคาหุ้นจะตอบสนองเชิงบวกต่อการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาดของ ธปท. และยังเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรช่วง 2Q-4Q65 ปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ 2) กลุ่มหุ้นท่องเที่ยว เลือก AOT AWC ซึ่งได้รับผลลบจากดอกเบี้ยขาขึ้นจำกัด ขณะที่ช่วงที่เหลือปีนี้คาดจะเห็นผลประกอบการฟื้นตัวดีขึ้น และ 3) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งสนใจหุ้นที่ราคาปรับลงมาแรงแล้ว ทำให้มี Risk/Reward ที่ดี อีกทั้งล่าสุดได้ผลบวกจากปัญหาอุปทานมีแนวโน้มคลี่คลายลงและอุปสงค์ปรับตัวดีขึ้น แนะนำหาจังหวะเก็งกำไรในหุ้น Recovery อย่าง MAKRO CBG

ส่วนช่วงสั้นแนะนำเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนใน 1) หุ้นที่ได้รับผลกระทบลบจากดอกเบี้ยขาขึ้น อาทิ หุ้นที่มีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อสูง THANI AEONTS MTC TISCO KKP) และ หุ้นที่มีภาระหนี้สินสูง อาทิ กลุ่มอาหาร กลุ่มขนส่งบก กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มโรงไฟฟ้า 2) หุ้นที่คาดผลประกอบการจะถูกกดดันจากมีสินค้าเกษตรอย่างข้าวสาลีเป็นต้นทุนวัดถุดิบหลัก อาทิ SNNP, TFMAMA, NSL, SNP และ 3) หุ้นขุดเหมืองซึ่งคาดได้ผลลบจากการปรับลงของราคา BTC และมีต้นทุนไฟฟ้าสูงขึ้น ทำให้ผลตอบแทนหรือระยะเวลาคืนทุนจะแย่กว่าคาด

ส่วนสุดท้าย เหมือนเช่นเคย ผมนำหุ้นในกลุ่มต่างๆ ที่แนะนำ มาจัดพอร์ตหุ้น 5 ตัว ไว้เป็นแนวทางสำหรับท่านนักลงทุน ดังนี้ครับ

1) KBANK หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะมีสัดส่วน CASA สูงกว่าธนาคารอื่นๆ และมี Valuation ไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งและสินเชื่อเติบโตเด่น

2) BBL ได้ประโยชน์วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ Valuation น่าสนใจและเป็นหุ้น laggard play มองราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มกำไรที่เติบโตดีขึ้น รวมทั้งมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุดในกลุ่ม

3) AOT ศบค. เตรียมยกเลิก Thailand Pass และยกเลิกกำหนดเงินประกันสุขภาพ นทท. ต่างชาติ มีผล 1 ก.ค. หนุนจำนวน นทท.เร่งตัวขึ้นและผลประกอบการฟื้นตัว อีกทั้ง Valuation ไม่แพง และปัจจุบันยังเทรดต่ำกว่าก่อนเกิดโควิด-19

4) AWC หุ้นเด่นอีกตัวในกลุ่มท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และจะสนับสนุนผลประกอบการปี 2565 ปรับตัวดีขึ้น

และ 5) CBG ได้ผลบวกจากราคาอลูมิเนียมปรับตัวลง และคาดกำไรจะต่ำสุดใน 1H65 และเข้าสู่ขาขึ้นตั้งแต่ 2H65 โดยอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น (คาดราคาอลูมิเนียมสูงสุดแล้วใน 1Q65) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และปริมาณการขายตลาดต่างประเทศเติบโต…และพบกันใหม่ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1