#MST#ทันหุ้น - MST ผนึก "บีเอ็นวาย" ขยายฐานการลงทุนต่างแดน พร้อมจ่อเปิดตัวแอปใหม่ Maybank Invest  หรือ MBI ช่วง Q3/2565 ตั้งเป้าผู้ใช้ปีแรกเกินแสนราย แถมโชว์ดีลไอพีโอ 4-5 ดีล คาดชัดเจนภายในปีนึ้ 2 ดีล

นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST เปิดเผยว่า ล่าสุด เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประกาศความร่วมมือกับ บีเอ็นวาย เมลลอน ไอเอ็ม (BNY Mellon IM) พันธมิตรด้านการลงทุนระดับโลก ภายใต้ความร่วมมือนี้ BNY Mellon IM จะช่วยมอบความเชี่ยวชาญระดับโลกให้แก่ ลูกค้า ผ่านการพัฒนาบริการด้านโมเดลพอร์ตการลงทุน โดยจะนำเสนอพอร์ตการลงทุน 5 พอร์ต ที่มีระดับความ เสี่ยงที่แตกต่างกัน และอีก 5 พอร์ตที่มีระดับความผันผวนที่แตกต่างกัน

โดย BNY Mellon IM จะให้การสนับสนุน เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในการสร้างและดูแลโมเดลพอร์ตการลงทุน ซึ่งรวมถึงการกระจายทรัพย์สิน การบริหารความ เสี่ยง และการคัดเลือกผู้จัดการ ซึ่ง เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญดังกล่าวในการคัดเลือกและ ปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าในตลาดประเทศไทย

ร่วมพาร์ทเนอร์อัพฐาน

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้ความสามารถการลงทุนของ MST ครอบคลุมทั่วโลก และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทมีจุดแข็งในเรื่องการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ส่วนพาร์ทเนอร์มีความเชี่ยวชาญการลงทุนในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

ขณะเดียวกันบริษัทมีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น “Maybank Invest (MBI)" เครื่องมือใหม่ที่ จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ได้ครบจบใน Application เดียว ครอบคลุมทั้ง หุ้น, กองทุน, ตราสารหนี้ และอื่นๆมากมาย ทั้งในและต่างประเทศ

พร้อมกันนี้ยัง ยังจะมีการนำข้อมูลของลูกค้าในส่วนต่างๆ ผ่านระบบประมวลผลอัจฉริยะ (AI) เพื่อทำให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และเลือก ผลิตภัณฑ์การลงทุนได้ตรงตามความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หลากหลายฟังก์ชันด้านการลงทุน เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม

พร้อมบริการผ่านแอปQ3

คาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้อย่าง เป็นทางการภายในช่วงไตรมาส 3/2565 ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้ คาดน่าจะมียอดผู้ใช้บริการแอปดังกล่าวมากกว่า 1 แสนรายภายใน 1 ปีนับจากเปิดให้บริการข้างต้น

ขณะที่แนวทางการบริหารของ MST ยังมุ่งให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายทางธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน โดย มุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 มิติ ได้แก่ การลงทุนที่มั่งคั่งอย่างยั่งยืน ผ่านการให้ความรู้ด้านการลงทุนที่ถูกต้องและ ปลอดภัยทั้งแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป การดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด การสร้างสังคมที่ น่าอยู่และยั่งยืน

“เราสนับสนุนเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนผ่านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และ การสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมในองค์กร ทั้งนี้ ได้มีการวัดผลด้านความยั่งยืนในระดับโลกภายใต้ ธุรกิจในเครือเมย์แบงก์ทั้งหมด”

เข็นไอพีโอเข้าเทรด

ด้านธีร์ จารุศร กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่าย Investment Banking and Capital Markets บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ทางด้านงานวาณิชธนกิจเกี่ยวการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อยู่ประมาณ 4-5 ดีล ซึ่งกระจายในธุรกิจต่างๆ อาทิ ไฟแนนซ์ ฯลฯ โดยคาดน่าจะได้เห็นความชัดเจน 2 ดีล ได้แก่ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC, บริษัท เอส จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC

นอกจากนนี้บริษัทยังได้มีการปรับองค์กรภายใต้แนวคิด “Opportunity of Change” มุ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยมุ่งพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านแรก ภาพลักษณ์ (New Brand) ทำการ Rebranding เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้านถัดมาการบริหารงานในองค์กร (New Team and Culture) มีการเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้าสู่องค์กรจำนวนมาก ด้วยโครงการสร้างการทำงานที่ยืดหยุ่น

และสุดท้ายด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ (New Investment Solutions) ที่ตอบโจทย์ตรงใจนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการการลงทุนแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ