#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index อ่อนตัวลงหาระดับ 1,585-1,590 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่กลับมาเป็นลบอีกครั้ง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงแรงและเริ่มกลับมากังวลโอกาสเกิด Recession โดยล่าสุด Inflation Expectation 12 เดือนข้างหน้าสูงถึง 8% ในเดือน มิ.ย. สูงสุดนับตั้งแต่ปี 1987 สะท้อนความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ และ FED ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ภาพรวมยังสอดคล้องกับที่เราประเมิยว่า 3Q22 จะเป็นช่วงที่ต้องติดตามว่าเงินเฟ้อจะมีสัญญาณผ่าน Peak ที่ชัดเจนหรือไม่ 

ส่วนปัจจัยในประเทศยังดูสดใสมากกว่าและน้ำหนักบวกยังอยู่ที่การ Reopening และเปิดประเทศ เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเร่งตัวสวนทางภูมิภาคอื่นที่ชะลอ ยังเน้นลงทุนในหุ้น Value และ Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 ที่แข็งแกร่ง ถูกกระทบจำกัดจากต้นทุนที่ปรับขึ้น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และหุ้นทีมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและแนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง 

หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : MAKRO

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก Consensus 44.56 บาท

• คาดกำไร 2Q22 จะฟื้นตัว Y-Y และลุ้นโต Q-Q สวนทางฤดูกาลปกติที่กำไรมักอ่อนลงจาก 1Q22 คาด SSSG 2Q22 ฟื้นตัวเป็น +5% Y-Y เช่นเดียวกัน Lotus ที่ทยอยฟื้นตัว ตามการ Reopen การท่องเที่ยวฟื้นตัวและราคาสินค้าโดยเฉลี่ยปรับขึ้น 

• แนวโน้มกำไร 2H22 ดีขึ้นจาก 1H22 คาดค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้าง MAKRO-Lotus’s ที่ลดลง และเริ่มรับรู้ Synergy ด้าน Consensus คาดกำไรปกติปี 2022-2023 โตปีละ +43% Y-Y จากการรวม Lotus’s เต็มปี ราคาหุ้นเทรดบน 2023PER เพียง 24 เท่า

• แนวรับ 34 บาท แนวต้าน 36-36.50//37 บาท

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินดัชนีฯ Sideway ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากจีน ขณะที่ต่างประเทศความกังวล (น้ำมัน+Recession) ยังกดดันตลาด

การรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯวานนี้ (28) ออกมาต่ำ ลดลงที่ระดับ 98.7 ในเดือน มิ.ย. จากระดับ 103.2 ในเดือน พ.ค. ซึ่งต่ำสุดตั้งแต่ปี 2013 ทำให้ตลาดมีความกังวลเรื่อง Recession ของสหรัฐฯ กลับเข้ามาในตลาด

เรื่องของน้ำมันเริ่มมีความกลัว Supply Shortage กลับเข้ามาในตลาดสลับกับความกลัวในเรื่อง Recession ตามสถานการณ์ในแต่ละวัน ประเด็นเกี่ยวข้องที่ต้องติดตาม คือ การประชุม OPEC+ (30) ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตหรือไม่ และสหรัฐฯ จะมีการคุยกับอิหร่านเรื่องน้ำมัน ซึ่ง 2 ประเด็นนี้ จะมีผลต่อราคาน้ำมัน

จีนเตรียมผ่อนคลายมาตรการ Covid ลดระยะเวลากักตัวนักท่องเที่ยวลงครึ่งหนึ่งเหลือ 7 วัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในอาเซียน เรามองว่าหุ้นกลุ่มสายการบิน (AOT, AAV) โรงแรม (CENTEL, MINT) และ Logistics (WICE, LEO, PSL) จะได้อานิสงค์จากเรื่องนี้ ซึ่งราคาหุ้นบางตัวได้สะท้อนตลาดไปบ้างแล้ว

การประชุมโรงกลั่นวันนี้ จากหลายวันที่ผ่านมายังหาข้อสรุปไม่ได้ เราประเมินว่าการเลื่อนการประชุมออกไปแต่ละครั้ง มีนัยยะว่าจะไม่สามารถเรียกเก็บกำไรจากลุ่มโรงกลั่นได้ หากเป็นไปตามนั้นหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะได้ประโยชน์

GEL_W5 เริ่มทำการซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย   World Bank จะออกรายงาน “Thailand Economic

Monitor June 2022”, ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค ของยุโรป

ทั้งนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากจีนผ่อนคลายมาตรการ Covid ซึ่งคาดว่าจะมีอื่นๆตามมาอีก บวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะเป็น 1 ใน 2 ปัจจัยที่ถ่วงตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมา 

ดัชนีฯ ยืนเหนือ 1580 จุดได้ เป้าขายทำกำไรช่วงสั้น คือ 1600 จุด  ทำให้วันนี้ จะเหมาะสำหรับผู้ที่เคยช้อนซื้อหุ้นราคาถูกไว้ในช่วง 1-2 สัปดาห์ 

นักลงทุนในประเทศ จะเป็นกลุ่มที่ซื้อหลักๆ เราให้น้ำหนักกับหุ้น 4 กลุ่ม 1). หุ้นที่เคยถูกกระทบจากราคาน้ำมันในระดับสูง (SCC, IRPC) 2).หุ้นเปิดเมือง (BDMS, AOT) 3) หุ้นราคาลงมามากๆ (CPALL, OSP)  4) หุ้นพื้นฐานแข็งแรง ที่ราคาลงมาจน Dividend Yield สูงพอ (PTT)

พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ COM7, BBIK ออก และนำ CENTEL, GUNKUL  เข้ามาแทน พอร์ตหุ้นประกอบด้วย CENTEL(20%), GUNKUL(10%),  KCE(20%), THCOM*(10%),  BDMS(20%)

Strategy Stock Pick

CENTEL: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท) “จีนส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตร กลุ่มท่องเที่ยวจะตอบรับบวก”

•Sentiment กลุ่มท่องเที่ยวีต่อเนื่อง สัญญาณผ่อนคลายมาตรโควิดจีนแรกเริ่มมา จีนลดเวลากักตัวนักท่องเที่ยวเหลือ 7 วัน ลุ้นมาตรการถัดไป

•นักท่องเที่ยวไทย 6 เดือนแตะระดับ 2 ล้านคน KTBST ประเมินทั้งปี ’22 นักท่องเที่ยวมีโอกาสแตะ 6 ล้านราย หลังปลดล็อค Thailand Pass 1 ก.ค. ลุ้นทำได้เหนือเป้า

•KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี ‘22 ที่ 307 ลบ. พลิกจากขาดทุนในปีก่อน ส่วนปี ‘23  ประเมินกำไรที่ 1.43 พัน ลบ. +369%YoY ตามลำดับ

Technical : JMT, LANNA

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด คาดดัชนี SET เช้านี้มีโอกาสปรับฐานตามดัชนีภูมิภาค จากความกังวลเงินเฟ้อสูง, เศรษฐกิจโลกชะลอตัว วางแนวรับที่ 1,575 – 1,580 แนวต้าน 1,600 แนะนำซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น AOT, BEM, BTS, BAFS, CENTEL ,ERW, CPALL (+กลุ่มเปิดเมือง)  

BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากการผ่อนมาตรการควบคุมและเริ่มต้นเปิดประเทศ โดย BEM รายงานปริมาณ Traffic ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าในช่วง เม.ย.-พ.ค.65 (QTD) พบว่าปริมาณรถบนทางด่วนเพิ่มขึ้น +34%YoY และผู้โดยสารรถไฟฟ้า +72%YoY ส่งผลบวกต่อกำไรในช่วง 2Q65 ทั้งนี้ระยะถัดไปคาดว่า Traffic จะทยอยเพิ่มทุกไตรมาสกลับมาเข้าใกล้ช่วง Pre-COVID ที่ 1.2 ล้านคัน/วัน และ 4 แสนเที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารใหม่ตั้งแต่ 3 ก.ค.65 หลัง ครม.เห็นชอบเมื่อวาน

JMT* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 85.50 บาท) กลุ่มธุรกิจบริหารหนี้รับประโยชน์จากปริมาณ NPL ในระบบที่อยู่ระดับสูง โดย ณ สิ้น 1Q65 NPL ของธนาคารพาณิชย์ อยู่ที่ 513.9 พันลบ. คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.93% ขณะที่คาดว่าผลประกอบการของ JMT* ในปีนี้จะยังคงได้ปัจจัยบวกจากการเติบโตพอร์ตหนี้เสีย โดย พอร์ตหนี้ของ JMT ขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 243,350 ลบ. ณ สิ้น 1Q65 (เพิ่มจาก ณ สิ้น 4Q64  ที่ 238,212 ลบ. / JMT* ตั้งงบลงทุนซื้อหนี้ที่ 10,000 ล้านบาท) นอกจากนี้ JMT* ยังมีปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานเพิ่มเติมในปีนี้จากการทำ JV กับ KBANK* ในส่วนของธุรกิจ AMC ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ของ JMT* จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 1.29 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 1.53 บาท/หุ้น, และ  2.13 บาท/หุ้น ตามลำดับ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1