#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยมีแนวรับสำคัญ 1,530 จุด ภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยบวกเข้ามาหนุน ขณะที่ความกังวลยังอยู่ที่แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเร่งตัว โดยการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. นี้คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75-1% ส่วนการประชุมกนง.เดือน ส.ค. คาดปรับขึ้น 0.25% ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดแตะ 36.60 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงช่วงปี 2009 ที่มีวิกฤต Subprime แต่หากเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นในยุโรปและเอเชียโดยรวมไม่ได้อ่อนค่าแรง ภาพรวมจึงยังไม่น่ากังวลและเชื่อว่ามีโอกาสที่บาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าใน 4Q22-1Q23 เป็นต้นไปตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว 

อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวระยะสั้นของสินทรัพย์เสี่ยงยังจำกัดจาก Bond Yield ที่ยังยืนสูงและยังคงภาพ Inverted Yield Curve ต่อเนื่องสะท้อนความกังวลโอกาสเกิด Recession ปีหน้า แต่ยังคงมุมมอง SET Index จะแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าภูมิภาคอื่นจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อยู่ในทิศทางเร่งตัว ยังมองแนวรับหลัก 1,500-1,520+- จุดจะทำงานได้ดีและเป็นโอกาสเข้าสะสมโดยคาดหวังการรีบาวด์ ส่วนหุ้นยังเน้นกลุ่ม Value Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value and Defensive Play//รอสะสมหุ้นบริเวณ 1500-1,520+- จุด 

หุ้นเด่นเดือนก.ค.:CK, CPN, GFPT, KTB, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้:EKH

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท

• คาดกำไร 2Q22 ชะลอทั้ง Q-Q และ Y-Y จากฐานที่สูงใน 1Q22 และ 2Q21 ขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ใน 2Q22 ดีขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่ายังสูงกว่าช่วงก่อนก่อน COVID-19 สะท้อน Demand บริการทางการแพทย์ที่ยังแข็งแกร่ง

• แนวโน้ม 3Q22 มีโอกาสเร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลรวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่กลับมาเร่งตัวขึ้นและทำให้เตียงเริ่มเต็มอีกครั้ง เราคาดกำไรปี 2022 –36% Y-Y แต่ยังสูงกว่าก่อน COVID-19 ถึง 24%

• แนวรับ 7.55//7.40 บาท แนวต้าน 7.85-8//8.20 บาท

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ยังถูกกดดัน ความกังวล Recession กลับมาถ่วงตลาด และเงินบาทมีโอกาสร่วงลงต่อ 

ตลาดกลับมากังวล Recession อีกครั้ง ขณะที่กรรมการ Fed ออกมาแสดงความคิดเห็นว่ามีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงถึง 1% ในการประชุมเดือนนี้ ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

ยูเครน-รัสเซีย ภาพรวมดูเหมือนจะดีขึ้นจากการเริ่มมีการเจรจาเรื่องการค้าต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวทางกองทัพอยู่

หนึ่งในกรรมการ ธปท. ออกมายืนยันว่าจะไม่มีการประชุมฉุกเฉินในการแทรกแซงนโยบายการเงิน ส่งผลให้ค่าเงินบาทร่วงลง (ล่าสุด 36.64 บาท/ดอลลาร์) เรามองว่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 37 บาท จาก gap ของดอกเบี้ยไทย-สหรัฐฯ ที่สูงขึ้น

DTAC รายงานผลประกอบการวันนี้  KTBSTประมาณการกำไรปกติปี 2022E ที่ 3.5 พันล้านบาท (+2% YoY) แนวโน้ม 2H22E คาดกำไรฟื้นตัว QoQ

หุ้นเพิ่มทุน JCKH และ SC เริ่มทำการซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ค. สหรัฐฯ  และGDP Q2 ของจีน

ความกังวล  Recession (สหรัฐฯ) และการคาดการณ์ว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยได้ถึง 1.0% ในเดือนนี้ กลายเป็นประเด็นที่จะฉุดตลาดหุ้น ทำให้ ดัชนีฯมีโอกาสที่จะปรับลงสู่แนวรับสำคัญ 1530 จุด หากหลุดจากแนวนี้จะเป็นสัญญาณขายรอบใหม่

ความกังวล Recesion(สหรัฐฯ) ยังสูงควรระมัดระวังหุ้นในกลุ่มที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มเทคโนโลยี่ สินค้าโภคภัณฑ์ (โดยเฉพาะน้ำมันและปิโตรเคมีขั้นต้น) สถาบันการเงิน หุ้นที่ขายสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มส่งออก

พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น BGRIM, BANPU ออกจากพอร์ต และนำหุ้น EA* เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย EA*(10%), BCH(10%), SPALI(10%), PTT*(10%)

Strategy Stock Pick

EA*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 84.00 บาท) “ติดตามการส่งมอบรถเมล์ EV ใน ต.ค. ของกลุ่ม EA”

• การส่งมอบรถบัส EV จะช่วยปลดล็อค Sentiment กลุ่ม ตามสัญญาสัมปทานของ BYD หลังชนะการเดินรถ 71 เส้นทางใน กทม. มีรถที่ต้องส่งมอบภายในเดือน ต.ค. ’22 กว่า 1-1.5 พัน คัน จากทั้งหมด 2355 คัน (42-62%)  

• EA มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานแบตเตอรี่อีก 1 GWH เป็น 2GWH รัฐหนุน EV ด้วยทุกนโยบายที่มี ด้าน Use Case หรือจำนวนรถ EV ที่จดทะเบียนในไทยสะสม (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 1.7 หมื่น คัน +119%YoY  

• Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 เฉลี่ยที่ 8.85 พัน ลบ. และ 9.68 พัน ลบ. +45%YoY, +9.4%YoY ตามลำดับ

Technical : SMT, NCL

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด  วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,530 หากยืนไม่ได้ คาดมีโอกาสลงไปที่แนวรับ 1,512 แนะนำทยอยซื้อหุ้นกลุ่ม Big Cap. จาก Valuation ของ SET เริ่มถูกเทรดที่ Forward P/E 16.4 X ทยอยซื้อ CPALL,CPN, MAJOR / GULF, BGRIM/ GFPT, TFG, CBG 

CKP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.65 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q65-3Q65 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากสถิติปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกสะสมและประเทศจีนมีการเร่งระบายน้ำออกมามากขึ้น นอกจากนี้ CKP ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น XPCL เป็น 42.5% ตั้งแต่ 3Q64 ส่งผลให้รับรู้รายได้จากการขายไฟเพิ่ม ส่วนภาพรวมทั้งปี 65 คาดกำไรทรงตัวจากปีก่อน ทั้งนี้บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 4.8 GW ภายในปี 67 ซึ่งล่าสุดได้เซ็น MOU โรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 1,460 MW (สัดส่วนการถือหุ้น 42%) กำหนด COD ปี 73

TRUE (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย 6.45 บาท) คาดงบ 2Q65 อาจได้เห็นกำไร แม้คาดผลดำเนินงานปกติจะขาดทุน จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงหนุนให้ภาวะเงินเฟ้อ โดยตลาดแรงงานที่ปรับตัวที่ช้ากว่าและหนี้ครัวเรือนที่สูง ส่งให้กำลังซื้อยังเป็นไปอย่างจำกัด แต่ตลาดให้ความสำคัญกับดีลควบรวม TRUE-DTAC ที่ยังดำเนินต่อไป แม้ขั้นตอนอนุมัติจาก กสทช.อาจล่าช้ากว่ากำหนดเดิมสิ้นเดือน ก.ค.สู่สิ้นเดือน ส.ค. แต่คาดจะลุล่วงไปได้ กอปรในไตรมาสนี้จะมีการบันทึกการขาย กอง DIF เข้ามาทำให้คาดงวด 2Qมีโอกาสเห็นกำไรราว 2 พันลบ. และส่งให้ครึ่งปีแรกพลิกทำกำไรสะสม 383 ลบ. ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดการทยอยเดินทางจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นและ High Season จาก iPhone รุ่นใหม่จะช่วยหนุนให้ปีนี้กำไรได้ราว 1 พันลบ. 

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1