#JMT#ทันหุ้น - JMT ครึ่งหลังปี 2565 แนวโน้มดี หลังยอดเก็บหนี้เสียพุ่ง พร้อมย้ำเป้าปีนี้ผลงานโต 45% จากปีก่อน อานิสงส์พอร์ตบริหารหนี้ขยายตัว ส่วนบ.ร่วมทุน JK คาดเปิดรับทรัพย์ช่วง Q4/2565 แถมควักงบ 1 หมื่นล้าน ช็อป NPL อัพพอร์ตเพิ่ม จากเดิมราว 2 แสนล้านบาท กินยาวเกิน 10 ปี

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2565 น่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากครึ่งแรกปีนี้ เพราะแนวโน้มยอดจัดเก็บหนี้เสีย (NPL) ขยายตัว รวมทั้งยังอาจจะมีการรับรู้ NPL ที่ประมูลใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ตลอดจนธุรกิจยังมีรายรับจากบริษัทร่วมทุนเข้ามาเสริม

ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้เสียในมือประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้เสียจากทั้งธนาคารต่างๆ และไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) โดยน่าจะสามารถจัดเก็บและทยอยรับรู้รายได้ในส่วนดังกล่าวต่อเนื่องไปอีกมากกว่า 10 ปีนับจากนี้

ดีเดย์รับทรัพย์JKช่วงQ4

ขณะเดียวกันล่าสุดทางบริษัทได้มีการร่วมทุนกับทางบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (บริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทย) เพื่อร่วมทุนจัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ขึ้นมา จึงเป็นอีกทางเลือกในการบริหารหนี้เสียของธนาคาร เพิ่มเติมจากการบริหารจัดการเองภายใน หรือการเปิดประมูล เพื่อขยายช่องทางสร้างรายรับเพิ่มเติม

ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนข้างต้นจะมีทาง JMT ถือหุ้นในสัดส่วนราว 50% และที่เหลือถือหุ้นโดยพาร์ทเนอร์ ซึ่งทางธนาคารกสิกรไทยมีแผนโอนขายหนี้ NPL ให้ JK AMC จำนวน 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 และ JMT จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการบริหารหนี้เสียดังกล่าว คาดน่าจะได้เห็นความชัดเจนและเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาส 4/2565

สำหรับแนวโน้มปี 2565 บริษัทยังคงเป้าผลประกอบการเติบโต 45% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรราว 1.4 พันล้านบาท ผลมาจากทิศทางการจัดเก็บหนี้เสียขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพด้วย

นอกจากนี้ ทาง JMT ได้วางงบลงทุนไว้ราว 1 หมื่นล้านบาท รองรับการประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารของธนาคารพาณิชย์และ Non-Bank ต่างๆ เข้ามาเพิ่ม หวังช่วยเสริมพอร์ตการบริหาร NPL ของธุรกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต

สตอรี่เด่นเป้า 100 บ.

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น JMT ให้ราคาเป้าหมาย 100.00 บาท เพราะฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าไตรมาส 2/65 จะมีกำไรสุทธิที่ 401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน จากการเข้าซื้อกองหนี้เสียเพิ่มขึ้นที่ต้นทุน 750 ล้านบาท และขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้นตามขนาดกองหนี้ secured loan ที่สูงขึ้น และรับรู้ขาดทุนจากการจ่ายสินไหมประกันภัยโควิด-19

พร้อมกันนี้ ในครึ่งหลังปี 2565 ทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินผลดำเนินงานจะขยายตัวต่อเนื่อง จากการเข้าซื้อหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ และเริ่มรับรู้รายได้จากบริษัทร่วมทุนกับธนาคารกสิกรไทย หรือ JKAM ในไตรมาส 4/65 โดยคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2565 ของ JMT ที่ 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากปีก่อน ตามการเข้าซื้อหนี้เสียมาบริหารที่สูงถึง 1 หมื่นล้านบาท รายได้รับจ้างติดตามหนี้ที่กลับมาขยายตัว และรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมทุน JKAM

นอกจากนี้คาดว่าผลดำเนินงานในช่วงปี 2566-2568 จะมีการเติบโตเฉลี่ย 26% ต่อปี จากการซื้อหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ โดยมองว่า JMT มีศักยภาพ และประสิทธิภาพในการเข้าซื้อหนี้เสียและบริหารกองหนี้เสียขนาดใหญ่ได้ดี