#WFX #ทันหุ้น - WFX พร้อมลุยตลาดเชิงลุก ขยายฐานไปยังยุโรป บังกลาเทศ อินโดนีเซีย เวียดนาม ที่มีการเติบโตสูงสร้างโอกาสเพิ่มออเดอร์ มองไตรมาส 3/2565 อุตสาหกรรมสิ่งทอกลับมาช่วงไฮซีซัน พร้อมการท่องเที่ยวกระตุ้น เดินหน้าบริหารจัดการต้นทุน เดินหน้าขยายกำลังการผลิตตามแผน เผยเฟส 2 คาดแล้วเสร็จปลายปี 2565 ยังคงเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15%

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2565 ในวันที่ 11 สิงหาคม 2565  โดยยอมรับว่าแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2565 ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลายเรื่อง ทั้งในส่วนของสภาวะเศรษฐกิจ สงคราม ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า แต่ปัจจุบันบริษัทก็มีออเดอร์ล่วงหน้ารองรับ แต่ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงโลว์ซีซันธุรกิจ ในช่วงเปลี่ยนผ่านไตรมาส 2 มาเป็นไตรมาส 3 และเชื่อว่าปลายไตรมาส 3/2565 สถานการณ์จะดีขึ้น จากภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอจะกลับมาฟื้นตัว ความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม จะมีมากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่กลับมาฟื้นตัวและเติบโต

Q3 ไฮซีซันสิ่งทอ

“ครึ่งปีหลังก็ยังมีปัจจัยภายนอกให้ต้องตามหลายเรื่อง ส่วนภายในทางบริษัทก็มีการบริหารจัดการในหลายๆ ส่วน มีการบริหารต้นทุน เพื่อรักษาระดับมาร์จิ้น เพื่อให้ผลการดำเนินงานยังอยู่ในระดับที่ดี แต่เชื่อว่าปลายไตรมาส 3/2565 น่าจะกลับมาดีขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซันของอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ใช้เส้นด้ายยางยืดจำนวนมาก เป็นโอกาสสร้างรายได้ให้แก่บริษัท ทำให้บริษัทยังไม่ได้มีการปรับเป้าหมายผลประกอบการ”นายณัฐ กล่าว

ดังนั้น ในปี 2565 มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อนที่  3,776 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2565 มีรายได้แล้วกว่า 1,137 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นไปตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยคาดการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดจะเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งในเฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้  ขณะที่เฟสที่ 2 จะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565 ทั้งนี้ปัจจุบันกำลังการผลิตของบริษัทอยู่ที่ 3.8 หมื่นตันต่อปี  เพิ่มขึ้นจากปลายปี ที่มีประมาณการกำลังการผลิตจริงของเส้นด้ายยางยืดทุกขนาดรวม 3.5 หมื่นตันต่อปี

ลุยขยายตปท.

นอกจากนี้ยังวางกลยุทธ์การบุกตลาด ต่างประเทศมากขึ้น โดยล่าสุดก็มีการขยายไปยังตลาดยุโรปมากขึ้น ซึ่งออเดอร์ส่วนใหญ่จะส่งมอบปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 รวมถึงตลาดบังกลาเทศ  ตลาดอินโดนีเซีย และตลาดเวียดนาม ก็มีโอกาสเติบโต ทำให้บริษัท ขยายตลาดเข้าไปยังกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทเลือกใช้ช่องทางการทำตลาดเข้าสู่ End Users โดยตรง ตลอดจนการที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลง (Economy of scale) รองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในแต่ละ Segment ทำให้ขายได้มาร์จิ้นที่สูงขึ้น

ส่วนตลาดจีนก็อาจมีการชะลอตัวลงบ้าง แต่ทั้งนี้บริษัทก็มีการทำการตลาดครอบคลุุมทวีปต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปแอฟริกา ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่ม เพื่อผลิตสินค้าชนิดใหม่มากขึ้น ร่วมกับลูกค้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างก็มีการดำเนินการต่อเนื่อง เป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่ม 

  พร้อมกันนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าของตัวเองอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านคุณภาพ คุณลักษณะ และคุณสมบัติต่างๆ ของเส้นด้ายยางยืดให้มีความหลากหลายและความเหมาะสมในการนำไปใช้งานที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงพัฒนากระบวนการผลิตเส้นด้ายยางยืดของบริษัท ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยผลักดันให้บริษัท เติบโตได้อย่างต่อเนื่องได้อีกในระยะยาว

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1