#CV #ทันหุ้น – CV ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลัง 2565 สดใส เตรียมรับรู้รายได้ธุรกิจ Wood Pellets ในเวียดนาม และมองเป็นธุรกิจที่มีโอกาสโตสูงจากจำนวนโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เพิ่มขึ้น ระบุอยู่ระหว่างรอลงนาม PPA โรงไฟฟ้าชุมชน ด้านโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นเตรียมก่อสร้างช่วงกลางปี 2566และสนใจเข้าทำโรงไฟฟ้าขยะ ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาโลเคชัน ด้านงาน EPC เติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก

นายธีรภัทร์ เพ็ชรโปรี ผู้รับผิดชอบสูงสุดในสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยถึงการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ว่า บริษัท เตรียมที่จะรับรู้รายได้จาก ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellets) ในประเทศเวียดนาม กำลังผลิต 89,000ตันต่อปี หลังจากเมื่อเดือน เมษายน  2565 บริษัทได้ทำสัญญาซื้อหุ้น 60% ใน DCK Energy มูลค่า 227 ล้านบาท 

โดยธุรกิจดังกล่าวมีลูกค้าหลักคือโรงไฟฟ้าชีวมวลในเกาหลีและญี่ปุ่น และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในส่วนที่บริษัทผลิตเองประมาณ 400ล้านบาท และธุรกิจเทรดดิ้งอีกประมาณ 400 ล้านบาท

ซึ่งธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้า Conventional ทำให้บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 150,000 ตันต่อปี ขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์จากราคาตลาด Wood pallets ที่ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ตามราคาถ่านหิน ช่วยให้มาร์จิ้นของธุรกิจนี้ดีขึ้นตามไปด้วย

ทางด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าบริษัทอยู่ระหว่างรอลงนาม PPA โรงไฟฟ้าชุมชน โครงการ 3กำลังการผลิตรวม 19.8 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดลำปาง พิจิตรและหนองบัวลำภู ซึ่งคาดว่าจะเลื่อนออกไปประมาณ 90 วัน นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ระหว่างพัฒนา อาทิ โรงไฟฟ้ามิยาซากิ กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงกลางปี 2566

นอกจากนี้หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกระเบียบว่าด้วยการรับซื้อไฟฟ้ารวมการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน 2565 ซึ่งเป็นไปตามมติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่อนุมัติหลักการรับซื้อไฟฟ้ารวมไม่เกิน 215 เมกะวัตต์ บริษัทก็มองหาโอกาสเข้าไปยื่นขอเสนอทำโรงไฟฟ้าชุมชนด้วยเช่นกันปัจจุบันอยู่ระหว่างดูโลเคชันโดยมุ่งหวังว่าจะเข้าไปดำเนินการประมาณ 3-4 แห่ง

งาน EPC มีต่อเนื่อง

ในส่วนธุรกิจงาน EPC บริษัทคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบันยังมีงานที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกมากเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้ประสบการณ์ต่อยอดไปยังธุรกิจ EPC ประเภทอื่น เช่นงานก่อสร้างอาคารของภาครัฐและเอกชนเพื่อให้รับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่อง และล่าสุดขยายเข้าสู่ธุรกิจก่อสร้างแบบสำเร็จรูป Modular ร่วมทุน 70% กับผู้ที่มีประสบการณ์สูงในธุรกิจนี้ โดยระบบ Modular กำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่ม Commercial และ Residential เนื่องจากเป็นการก่อสร้างแล้วเสร็จมาจากโรงงานและนำมาติดตั้งที่ไซต์งานทำให้งานเสร็จรวดเร็ว ซึ่งธุรกิจนี้ Modular มีมาร์จิ้นที่สูงกว่าธุรกิจ EPC เดิมมากกว่าเท่าตัว

ครึ่งปีหลังกำไรเด่น

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH  คาดว่า CV จะมีกำไรโดดเด่นในครึ่งปีหลัง 2565และโดดเด่นขึ้นอีกในปี 2566 ด้วยกำลังจะเริ่มธุรกิจใหม่ใน Modular และ Wood Pellets ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจให้มาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจเดิม เเละคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก CPL ตามประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซกลับมาเดินเครื่องปกติตามต้นทุนก๊าซที่น่าจะลดลงใน ครึ่งปีหลัง อีกทั้งจะบันทึกรายได้ EPC เร่งตัวขึ้น

จึงคาดว่า Core Profit จะเติบโตมาก HoH และกำไรปีหน้าจะโดดเด่นขึ้นอีกตามการรับรู้รายได้เต็มปี ของธุรกิจ Modular และ Wood Pellets อัตรากำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการปรับ เพิ่ม FiT Variable และต้นทุนลดลงภายหลังจากโรงงาน RDF สร้างเสร็จ ราคาหุ้นที่ลดลงมากเกินไป มองเป็นโอกาส “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายหุ้นที่ 4.38 บาท

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1