> SET > KEX

16 สิงหาคม 2022 เวลา 07:45 น.

KEXลั่นจะพลิกกำไร พันธมิตรหั่นต้นทุน

#KEX #ทันหุ้น - KEX ลุ้นสิ้นปี 65 พลิกทำกำไร หลังปรับกลยุทธ์เชิงรุก ลดต้นทุน เน้นขยายสาขาใหม่ แชร์จุดบริการร่วมพันธมิตร ชี้จุดให้บริการเพิ่มเป็น 33,000 จุด เล็งเปิดตัวพันธมิตรใหม่ไตรมาส 3 มองการแข่งขันลดความรุนแรง หลังบาดเจ็บไปมาก ทยอยปรับขึ้นค่าขนส่ง มีธุรกิจใหม่เสริม ปักธง 3-5 ปี รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% วอลุ่มการส่งพัสดุโต 30% ต่อปี


นายประพัฒน์ เสียงจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการและความสะดวกในการเข้าถึงให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยการขยายสาขาใหม่จะเน้นน้ำหนักไปที่การร่วมมือกับพันธมิตร แบบการแชร์จุดบริการให้อยู่ร่วมกับพาร์ตเนอร์ ซึ่งมองว่าจะสามารถช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่พาร์ตเนอร์ได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน เบื้องต้นคาดว่าภายในช่วงปลายไตรมาส 3/2565 จะได้ข้อสรุปเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 1 ราย


*จับมือพาร์ตเนอร์


ที่จะเป็นส่วนเสริมศักยภาพในการเข้ามาช่วยขยายช่องทางการให้บริการของบริษัท และเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีความร่วมมือกับพันธมิตรในการให้บริการด้านช่องทางการให้บริการกับ CJ Express, Exonmobile และ Lotus’s ทำให้บริษัทมีจุดให้บริการรับส่งสินค้าและพัสดุในปัจจุบันรวมกันกว่า 33,000 แห่ง ทั่วประเทศ ครอบคลุม 77 จังหวัด และมีความร่วมมือกับ Betagro ในการเพิ่มบริการ Kerry Cool ที่เพิ่มเข้ามาสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า และขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น และผลักดันให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 20% ต่อปี ในช่วง 3-5 ปีจากนี้


ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนการปิดสาขาเดิมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ มีค่าใช้จ่ายต้นทุนที่สูง และอยู่ในทำเลที่มีการสัญจรที่ลำบากเพิ่มเติม ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2565 ได้มีการทยอยปิดสาขาเดิมล็อตใหญ่ไปแล้ว และหากว่ายังมีสาขาเดิมที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่ก็อาจมีการทยอยปิดเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดลง จากปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาสที่ 3/2565 และ 4/2565 จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้


ทั้งนี้ ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลายตัวลง ทำให้คนกลับมาจับจ่ายใช้สอยนอกบ้านมากขึ้นและลดการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ลดลง กดดันให้ความร้อนแรงของการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2565 คาดว่าอาจหดตัวลงเหลือที่ระดับราว 24% จากค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2562-2564) ที่เติบโตสูงรวมเฉลี่ยกว่า 53% ขณะที่การแข่งขันการส่งพัสดุในช่วงครึ่งหลังปีนี้มองว่าเริ่มลดลงบ้าง หลังจากผู้ประกอบการขนส่งบางรายยกเลิกกิจการ และมีบางรายที่ปรับขึ้นราคาส่งพัสดุ ตามต้นทุนพลังงานที่สูง


**พลิกทำกำไร


"ในช่วงที่เหลือของปีนี้เรายังคงให้ความสำคัญในเรื่องของการปรับกลยุทธ์ ลดต้นทุน โดยพิจารณาเส้นทางการขนส่งให้สั้นลง และจัดระเบียบศูนย์บริการ หน้าร้าน จุดคัดแยกพัสดุ เพื่อลดต้นทุนทางธุรกิจให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราได้มีการทยอยปรับขึ้นค่าขนส่ง และเซอร์วิสชาร์ตให้สอดคล้องกับรายอื่นๆ เพื่อลดภาระต้นทุนน้ำมันอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 โดยมีระดับตั้งแต่ 1 บาท ไปจนถึง 3-4 บาท หรือบางพื้นที่อาจไม่ขึ้นเลย ทำให้ทดแทนในส่วนของต้นทุนค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นได้บ้าง


คาดจะเริ่มเห็นทิศทางของต้นทุนที่ปรับลดลงมาเข้าใกล้กับราคาให้บริการอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเริ่มเกิดความสมดุลระหว่างราคาให้บริการและต้นทุนในช่วงไตรมาส 4/2565 ทำให้เราเข้าสู่จุดคุ้มทุน และมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้" นายประพัฒน์ กล่าว


แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับลดลดราคาส่งพัสดุเริ่มต้นเป็น 15 บาท จากเดิม 19 บาท เพื่อเจาะวอลุ่มและผลักดันการใช้บริการสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ เพราะก่อนหน้านี้การบริการส่งพัสดุของเคอรี่ราคาสูง ทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางถึงขนาดเล็กไม่สามารถเข้าถึงบริการให้เข้าถึงการให้บริการได้สะดวกและง่ายมากขึ้น บริษัทยังคงมั่นใจว่าการเติบโตของวอลุ่มการส่งพัสดุจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 30% ต่อปี ได้ จากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้วอลุ่มอยู่สูงถึง 35.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน


อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความสนใจในการพัฒนาและขยายธุรกิจการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการจับมือกับพันธมิตร Hive Box ร่วมทุนในธุรกิจสมาร์ทล็อกเกอร์ (Smart Locker) ที่บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 18% โดยกลยุทธ์นั้น บริษัทจะมุ่งเน้นกระจายตัวไปตามโลเคชันสำคัญต่างๆ เช่น สถานี BTS-MRT, คอนโดมิเนียม, ศูนย์การค้า, อาคาร-สำนักงาน และมหาวิทยาลัย ซึ่งวางเป้าหมายจะขยายตู้ไม่น้อยกว่า 3,000 ตู้ทั่วกรุงเทพฯ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มทยอยติดตั้งในช่วงครึ่งหลังปีนี้ สำหรับ IRR คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 20%


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X