> รู้ทันการลงทุน >

18 สิงหาคม 2022 เวลา 06:30 น.

Pfizer ซื้อ GBT เสริมแกร่งธุรกิจยาโลหิตจาง

#ทันหุ้น - ชวนอัปเดตประเด็นหุ้น Pfizer (PFE) หลังเผยงบไตรมาส 2 ปี 65 ดีกว่าตลาดคาดซึ่งจะมีประเด็นอะไรน่าติดตามบ้าง วันนี้หลักทรัพย์บัวหลวง นำข้อมูลบทวิเคราะห์จากทีม BLS Global Investing มาเล่าสู่กันฟัง


Pfizer เผยงบไตรมาส 2 ปี 65 เมื่อ 28 ก.ค. 65ออกมาดีกว่าตลาดคาด รายได้อยู่ที่ 27,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐโต 47% และกำไรเพิ่มขึ้น 78% แตะ 9,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมีแรงหนุนจากยอดขายวัคซีนโควิด-19 ที่โต 20% และยาเม็ดต้านโควิด-19 (Paxlovid) ที่เพิ่มขึ้น 5.5 เท่าจากไตรมาส 1 ร่วมด้วยยอดขายวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ (Prevnar) ที่เพิ่มขึ้น 41%เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 64ขณะเดียวกัน บริษัทได้คงคาดการณ์รายได้ปี65 ไว้ที่ 98,000-102,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือโตราว 29% โดยคาดยอดขายวัคซีนโควิด-19 จะอยู่ที่ 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและยอดขายยา Paxlovid จะอยู่ที่ 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) จาก 6.25-6.45ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 6.30-6.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือโต 65%เมื่อเทียบกับปี 64


สำหรับประเด็นซื้อ GBT เสริมแกร่งธุรกิจยาโดยเมื่อ 8 ส.ค. 65 Pfizer เผยดีลเข้าซื้อ Global Blood Therapeutics (GBT)ที่มูลค่าราว 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดย GBT เป็นผู้ผลิตยารักษาโรคโลหิตจาง (Oxbryta)ที่ได้รับอนุมัติใช้ในสหรัฐฯ, ยุโรป, สหราชอาณาจักร, UAE และโอมานเรามองว่าดีลนี้จะเปิดโอกาสการเข้าถึงยาชนิดใหม่ของ Pfizer ที่อาจสร้างรายได้ให้บริษัทในระยะยาว โดยคาดการณ์จาก Bloomberg cons. เผยว่ายอดขายยา Oxbryta อาจแตะ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี69 (1.2% ของรายได้ปี64) และอาจแตะ 3,000ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี73นอกจากนี้ยาประเภทนี้ยังเป็นยาที่มีราคาสูงในสหรัฐฯ (7,000-10,000ดอลลาร์สหรัฐสำหรับใช้ในการรักษาต่อเดือน) เนื่องจากมีเพียงแค่ 2 ยี่ห้อที่ได้รับอนุมัติใช้ได้แก่ Oxbryta และ Adaveko ซึ่งผลสำรวจแพทย์สหรัฐฯ 100 ราย โดยJPMorgan ยังพบว่ายา Oxbryta มีผลข้างเคียงต่อคนไข้น้อยกว่า Adaveko


สำหรับประเด็นวัคซีนเจนเนอเรชั่นใหม่เรามองว่า Pfizer จะยังคงได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 ต่อเนื่อง หลังบริษัทได้พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 รุ่นใหม่ “BA.4 และ BA.5” เพื่อตอบสนองต่อเชื้อกลายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของผู้ติดเช้ือทั่วโลกเราคาดว่าตัววัคซีนจะได้รับการอนุมัติใช้ในสหรัฐฯ ในเดือนนี้ หลังเมื่อ 30 มิ.ย. 65องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ออกมาสนับสนุนให้ใช้วัคซีนดังกล่าวเป็นบูสเตอร์โดส อีกทั้งคาดว่าองค์การอาหารและยาสหภาพยุโรป(EMA) อาจมีแนวโน้มที่จะอนุมัติใช้ในเดือน ก.ย. 65 เช่นกันนอกจากนี้ Pfizer เผยว่าตัววัคซีนจะพร้อมจัดจำหน่ายในเดือน ต.ค. 65 ซึ่งหากได้รับอนุมัติใช้งาน เราคาดว่าจะเป็น Upside หนุนรายได้เพิ่มเติมจากประมาณการที่บริษัทให้ไว้ในปีนี้โดย Morgan Stanley ประเมินว่าอาจอยู่ที่ประมาณ 2,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.5% ของรายได้ปี64)


ด้านประเด็นการประเด็นลงทุน หากนับตั้งแต่ 13 มิ.ย. 65 ราคาหุ้น Moderna (MRNA) บวก 51% ขณะที่PFE บวกเพียง 5% ทำให้เรามองว่าหุ้น PFE ยังมีความ laggard อยู่มากทั้งๆ ที่รายได้วัคซีนโควิด-19 ของ PFE สูงกว่า MRNA เกือบ 2เท่าในไตรมาส 2ทำให้มองว่า PFE มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งกว่าและสามารถนำเงินไปซื้อกิจการอื่นเพื่อขยายผลิตภัณฑ์ยาได้ต่างจาก MRNA ที่เน้นลงทุนวิจัยและพัฒนา ซึ่งอาจต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากและมีความไม่แน่นอนมากกว่าขณะที่ในเชิงมูลค่า P/E ปี65 ของ PFE อยู่ที่ 7.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 11 เท่า เราจึงแนะสะสม



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X