#ทันหุ้น - สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนก.ย. ดัชนีปรับตัวลงแรงหลังตลาดกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยมีมากขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อ และยังกดดันให้ราคาน้ำมันปรับลงแรงจากความกังวลอุปสงค์น้ำมันจะลดลง ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับหนุนดัชนีฟื้นตัวในสัปดาห์ที่สอง หลังมองตลาดได้รับรู้ความเสี่ยงไปพอสมควรแล้ว ทั้งนี้หุ้นที่มีแรงขายมากสุด นำโดย KBANK BANPU PTTEP PTT CPALL และหุ้นที่มีแรงซื้อมากสุด นำโดย DELTA GULF SCB BH BDMS ขณะที่ Fund Flow พลิกขายในตลาดหุ้นไทยติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ราว 5.52 พันลบ. (หลังซื้อ 6 สัปดาห์ก่อนหน้านี้) และล่าสุดเริ่มกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง

ทั้งนี้ มองว่า แม้ตลาดรับรู้ความเสี่ยงไปพอสมควรแล้ว ทำให้มีโอกาสน้อยที่ Downside จะลงลึก แต่ช่วงสั้นคาดดัชนีหุ้นไทยยังมี Upside จำกัดเช่นกัน เนื่องจากบรรยากาศลงทุนจะยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น หลังเฟดยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับเงินเฟ้อสูงและวิกฤตพลังงาน อีกทั้งจีนยังใช้นโยบาย Zero Covid ทำให้มีการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะๆ โดยแนวโน้ม SET คาดเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ 1600-1700 จุด และล่าสุดเข้าใกล้กรอบบนบริเวณ 1700 จุด ที่คาดว่าจะมี upside จำกัด ดังนั้น มุมมองการลงทุนยังเป็นไปอย่างระมัดระวังและเน้นเลือกลงทุน

โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีคุณภาพดีมีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้ 1) กลุ่มหุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ เลือก ZEN HTC ADVANC และ 2) กลุ่มหุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นความเสี่ยงตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นใน ก.ย.-ต.ค. เลือก HMPRO GLOBAL CPALL BJC TASCO

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำเพิ่มความระมัดระวัง หรือ หลีกเลี่ยงการลงทุนออกไปก่อน ในหุ้นที่มีปัจจัยเสี่ยงกดดันผลประกอบการ ดังนี้ 1) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหา Supply chain หลังจีนยังคงดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะ โดยเฉพาะที่เป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์อย่าง เฉิงตู เซินเจิ้น กุ้ยหยาง ซึ่งมีโอกาสกดดันคำสั่งซื้อและการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตในไทย 2) หุ้นท่องเที่ยวหลังมองราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงแล้ว ขณะที่ล่าสุดอาจได้รับ sentiment ลบจากจีนกลับมาล็อกดาวน์และยุโรปเผชิญปัญหาค่าครองชีพพุ่ง

ส่วนสุดท้าย ผมนำหุ้นต่างๆ ที่น่าสนใจ มาจัดพอร์ต โดยเลือกหุ้น 5 ตัว ไว้เป็นแนวทางให้กับท่านนักลงทุน ดังนี้ครับ

1) ADVANC มอง 2H65 คาดกำไรปกติดีขึ้นทั้ง HoH และ YoY ทั้งยังมีการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ, จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและเป็นหุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ประกอบกับ Valuation ยังไม่แพง

2) HMPRO มอง 3Q65 คาดกำไรจะเติบโตเร่งตัวขึ้น YoY อีกทั้งช่วงสั้นคาดได้อานิสงส์จากเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งปกติหลังน้ำท่วมจะมีอุปสงค์ซื้อสินค้าเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น

3) GLOBAL มอง 3Q65 คาดกำไรปรับตัวดีขึ้น YoY อีกทั้งช่วงสั้นคาดได้อานิสงส์จากเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งปกติหลังน้ำท่วมจะมีอุปสงค์ซื้อสินค้าเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น

4) TASCO หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งจากสถิติตั้งแต่ปี 2558-2564 พบว่า ช่วง ก.ย.- พ.ย. ของทุกปี หุ้นเหล่านี้จะมีการปรับตัวขึ้นได้ดี โดยเฉพาะหากซื้อลงทุนช่วงกลาง ก.ย.

5) ZEN มอง 3Q65 กำไรจะเติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY รวมทั้งเป็นหุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และคาดปี 2565 จะมีกำไรหลังขาดทุนต่อเนื่อง 2 ปี และสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 ที่ 126 ลบ....แล้วพบกันใหม่ ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1