> SET > CPN

19 กันยายน 2022 เวลา 09:43 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,620-1,640 จุด โดยไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น สัปดาห์นี้มีการประชุมธนาคารกลางหลายแห่งทั้ง BoJ BoE และโดยเฉพาะทุกสายตาจับจ้องที่การประชุม FED วันที่ 21 ก.ย. นี้ โดยตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมายมากให้ชะลอลง Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯยังคงยืนสูง กดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ฟื้นตัวได้จำกัด และส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติอยู่ในทิศทางไหลออกจากไทยระยะสั้นหลังจากซื้อค่อนข้างเร็ว YTD กว่า 1.6 แสนลบ. 


อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นคาดยังช่วยหนุนให้ SET Index แกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play เชื่อว่าคาดว่ายังสามารถ Outperform ตลาดได้โดยเฉพาะที่ราคายัง Laggard และ Valuation ต่ำ ส่วนจุดเข้าสะสมระยะกลาง-ยาวยังมองที่ระดับดัชนี 1,600-1,610+- จุด


กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600-1,610+- จุด

หุ้นเด่นเดือนก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU


หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 85 บาท

• โมเมนตัมกำไร 2H22 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ หนุน Traffic เข้าห้างฟื้นตัวเข้าใกล้ช่วก่อน COVID-19 รวมถึงส่วนลดค่าเช่าที่เริ่มทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง 

• เราคาดกำไรปี 2022-2023 +244% Y-Y และ +33% Y-Y ตามลำดับ หนุนจากทั้งการฟื้นตัวของค่าเช่าห้างเดิม การเข้าซื้อ SF และระยะยาวรองรับด้วยแผนการลงทุน 5 ปี 1.2 แสนลบ. ทั้งธุรกิจศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรแรม

• แนวรับ 65-64 บาท แนวต้าน 68//70 บาท


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,620 – 1,640 ระหว่างรอผลการประชุมเฟด แนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ SCGP,TOA,EPG (+ต้นทุนวัตถุดิบลดลง)/ BLA, TLI (+ Bond Yield ขาขึ้น)/ BEM, DMT (+ปริมาณ Traffic กลับสู่ภาวะปกติ ) 


JWD* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 20.60 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2H65 เติบโตต่อเนื่อง HoH, YoY มีปัจจัยหนุนจากฤดูกาล ธุรกิจหลักคลังสินค้าและห้องเย็นมีความต้องการใช้จากลูกค้าสูง ขณะที่ธุรกิจใหม่ที่เข้าไป JV กับ ORI (Alpha Industrial Solution) ไปรษณีย์ไทย และ Flash Express (FUZE Post) จะเริ่มรับรู้รายได้ รวมถึงธุรกิจ Self-storage (JWD Store It) จะเปิดสาขามากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีผ่านการร่วมมือกับ CPN ทั้งนี้ผุ้บริหารวางเป้าการเติบโตของรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท ในปี 68 และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 15% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11%


AP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.00 บาท) ภาพรวมกลุ่มอสังหาฯในปีนี้มีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV และ การลดค่าการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนจำนอง นอกจากนี้ Demand ฝั่งชาวต่างชาติก็จะเป็นแรงหนุนอีกทางนึง ด้าน AP* เองในช่วง 2H65 นี้ วางแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวใหม่อีก 17 โครงการ มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ 3Q65 นี้ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รับรู้รายได้เพิ่มจากการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนโดมิเนียมใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จ ได้แก่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท และ LIFE สาทร เซียร์ราทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ของ AP* จะขยายต่อเนื่องจากฐานต่ำในปี 64 ที่ 1.44 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 1.63 บาท/หุ้น, และ  1.71 บาท/หุ้น ตามลำดับ


**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1620-1645จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1634 จุด / -1.5%) ตลาดถูกกดดันด้วย Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้(รวมจนถึงปีหน้า) มากกว่าคาด 0.25-0.50% หรือขึ้นไปเกิน 4.0% ตลาดจึงมีการปรับพอร์ต(ฐาน) เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงนี้


นักลงทุนส่วนใหญ่จะชะลอการลงทุนจนทราบผลประชุม คืนวันที่ 21 ก.ย. นั่นหมายความว่า ตลาดจะไปคึกคัก อีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์เลย และคาดไม่มี surprise ในระหว่างสัปดาห์ด้วย


คาดนักลงทุนต่างประเทศ จะขายหุ้นไทยต่อ (เดือนนี้ ขายไปแล้ว 1.5หมื่นลบ.)


ประเด็นในประเทศ คงตามเรื่อง การเมือง (นายกฯ 8 ปี ) ที่จะทราบผล 30 ก.ย.


Strategy

ตลาดจะซึมลงไปจนถึงประชุม FOMC (วันพุธหน้า) เพราะดอกเบี้ย Fed ครั้งนี้อาจขึ้นมากกว่า คาด(0.75-1.0%)นักลงทุนยังควรอยู่ฝั่งขาย(ทำกำไร) มากกว่าซื้อเข้า หรือปรับเป็นเก็งกำไร ช่วงสั้นๆไปจนกว่าจะผ่านการประชุม 21ก.ย.ไปแล้ว


ด้วยความกังวลRecessionของสหรัฐฯ-ยุโรป ที่เพิ่มขึ้น ให้ระวังหุ้นที่มีฐานรายได้ในต่างประเทศ เช่น ส่งออก ขณะที่หุ้นCommodityยังควรเลี่ยงไปก่อน


ทิศทางดอกเบี้ยสูงขึ้น มีผลต่อการประเมินมูลค่าสินทรัพย์(หุ้น) ด้วยวิธิ Discounted Cashflow หรือNPVอาทิ โรงไฟฟ้า ,REITs, Property Fund ,Infrafund


เพิ่มความระวังในหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศขายมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา SCB, CRC, CPALL


หุ้นในพอร์ตวันนี้เรานำ DOD ออกจากพอร์ต และนำหุ้น AOT, GLOBAL เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย GLOBAL(10%), AOT(10%), VGI(10%), BRR*(10%), CKP(10%) , KTB(10%)


Strategy Stock Pick

AOT: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 74.50 บาท) “วางหุ้นกลุ่มเปิดเมืองตัวหลักไว้ในพอร์ต”

• แนะนำให้วางหุ้นในกลุ่มเปิดเมืองไว้ในพอร์ต 1 ตัว (เราเลือกตัวหลักคือ AOT) จากปัจจัยบวกในด้านตัวเลขนักท่อง ล่าสุด 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค ’22) จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่ 4.63 ล้าน คน คาดสิ้นปี ’22 ถึง 10 ล้านคน ตามเป้ารับ High Season การท่องเที่ยว

• ประเมินกำไร 4Q22E-1Q23E มีโอกาสเห็นการ Turnaround หลังจำนวนนักท่องที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง และปี ’23 เมื่อจีนเปิดประเทศจะเกิด Pead up Demand

• DAOL ประเมินผลประกอบการปี 2022 ขาดทุนที่ 1 หมื่น ลบ. ส่วนปี 2023 พลิกเป็นกำไรที่ 6.7 พัน ลบ. ตามลำดับ


Technical : ASIAN, PLUS



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X