19 กันยายน 2022 เวลา 14:55 น.
กระต่ายยอดนักสู้ แรบบิทไลฟ์ พร้อมลงสนามแข่งประกันชีวิตที่ร้อนระอุ กับรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เน้นความต่างของผลิตภัณฑ์ และบริการให้กับกลุ่มลูกค้าในเครือธุรกิจ “บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ประเดิมด้วยฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ แม้งบน้อยแต่ก็มีความคุ้มครองได้ ทางด้านผู้บริหาร “กรณ์ ชินสวนานนท์” มั่นใจจิ๋วแต่แจ๋ว เล็กแต่ก็เก๋าในเกมธุรกิจประกันชีวิต
“กรณ์ ชินสวนานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)หรือ แรบบิทไลฟ์ ให้ความเห็นถึงสิ่งที่สร้างความต่างว่า น่าจะเป็นเรื่องของแนวคิดการออกผลิตภัณฑ์ที่ราคาหลักพันบาท เสิร์ฟให้กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในช่วงของวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งอาจยังไม่ต้องการแบบประกันที่ความคุ้มครองสูง และราคาแพง สามารถต่อยอดความคุ้มครองจากสวัสดิการที่ได้รับจากบริษัทอยู่แล้ว
“ถ้าพูดถึงเบี้ยหลักหมื่น กลุ่มนี้มีผลิตภัณฑ์ และผู้เล่นในตลาดมากอยู่แล้ว มีการแข่งขันรุนแรง ซึ่งส่วนมากเป็นตลาดของบริษัทประกันขนาดใหญ่ แต่เราต่างออกไป เรามองไปที่ตลาดไมโคร จ่ายเบี้ยแค่หลักพันบาท ตลาดตรงนี้ใหญ่แต่ผู้เล่นน้อย เพราะมีเรื่องของต้นทุน และความคุ้มค่าในการดำเนินงาน ซึ่งจะไม่สามารถใช้ช่องทางตัวแทนขายได้เลย เพราะไม่คุ้มค่ากับการไปเก็บเบี้ยหลักพันบาทต้นๆ”
กรณ์ เล่าต่อไปว่า บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ๆ ก็สนใจเข้ามาในตลาดไมโคร แต่ถ้าจะใช้วิธีการทำงานแบบเดิมก็จะมีต้นทุนสูง เพราะหากจะขยายฐานผ่านตัวแทน ทั้งเรื่องของค่าคอมมิชชั่น การเดินทางไปรับเบี้ย ติดต่อลูกค้าก็ไม่คุ้มแล้ว ดังนั้นช่องทางนี้จึงต้องอาศัยแพลตฟอร์มออนไลน์ในการเจาะถึงจะคุ้ม
นั่นคือสิ่งที่ แรบบิทไลฟ์ ได้เปรียบ ทั้งฐานลูกค้าบัตรแรบบิท กว่า 15 ล้านราย และระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystems)ที่กลุ่มผู้ถือหุ้นให้ความสำคัญมากในการเข้ามาเชื่อมต่อบริการด้านการเงินให้ครบวงจร
เป็นที่รู้กันว่าแรบบิทไลฟ์ มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ยูซิตี้ หรือ U ซึ่งมี บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ถือหุ้นอยู่ปัจจุบัน ยูซิตี้ มีแผนที่จะออกจากธุรกิจอสังหาฯ โดยหันมาสู่ธุรกิจบริการด้านการเงินแบบครบวงจร และนั่นทำให้ดีลการซื้อ แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ หรือ ALIFE เกิดขึ้น พร้อมปรับสู่แบรนด์ “แรบบิท” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และตลาดรับรู้เป็นวงกว้างแล้ว
แรบบิท ไม่ได้มีแค่ ธุรกิจประกันชีวิต แต่ยังมีธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจโบรกเกอร์ หรือนายหน้าขายประกัน ที่สามารถต่อยอดฐานลูกค้า ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแรบบิทได้
“เราไม่ต้องใช้เวลากับการสร้างแบรนด์มาก เพราะแรบบิท เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและรับรู้มากในวงกว้าง และการได้ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นยูซิตี้ บริษัทย่อยของกลุ่มบีทีเอสเข้ามาถือหุ้น75% ยิ่งเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน และความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจได้มากขึ้น”
กรณ์ บอกว่า ALIFE ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอยู่ ด้วยความที่อยู่ในตลาดประกันชีวิตมานานทำให้มีความเข้าใจตลาด ผลิตภัณฑ์ และวิธีบริหารความเสี่ยงของประกันชีวิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ เป็นการเสริม แรบบิทไลฟ์ ให้พร้อมทะยานต่อได้ในทันที
“เรามีการโฟกัสเป้าหมายต่างไปจากเดิมบ้าง เดิมตอนเป็น ALIFEเราเน้นผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์สั้นๆ ขายผ่านช่องทางเทเลเซลล์ ซึ่งเป็นช่องทางที่เรามีความแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาตลาดของเราปรับโฟกัสใหม่ไปที่กลุ่ม Gen Y -Gen Z ต้องการค่าเบี้ยประกันหลักพันบาทต่อปี ถามว่าทำได้ไหม แน่นอนว่าทำได้ ด้วยการปรับระยะเวลาและความคุ้มครองให้เหมาะสม”
กรณ์ กล่าวต่อไปว่า โจทย์ของ แรบบิทไลฟ์ ชัดเจนว่าโฟกัสกลุ่มไหน ก็ทำผลิตภัณฑ์ให้ออกมาสอดคล้องกับความต้องการ ส่วนช่องทางขายแน่นอนว่าต้องเป็นออนไลน์ ซึ่งทางบริษัทเองก็จะมีในส่วนของเว็ปไซต์ให้บริการซื้อ-ขาย เพราะความต้องการของคนรุ่นใหม่คือ สามารถทำธุรกรรมได้เอง ง่าย เร็วไม่ยุ่งยาก โดยไม่ต้องการคุยผ่านคตัวแทนหรือคนกลาง ดังนั้นนอกจากการกรอกข้อมูลที่ต้องทำให้ง่าย ผลิตภัณฑ์ก็ยังต้องง่ายไม่วับซ้อน อย่างประกันมะเร็งที่จะเสนอขายใหม่ ภายในปี 2565 นี้ คือถ้าตรวจพบไม่ว่าระยะไหนจ่ายให้ทันทีเป็นเงินก้อน แรบบิทไลฟ์ ไม่ทำให้เข้าใจยาก
จุดบริการก็จะเน้นเว็ปไซต์มากกว่าแอปพลิเคชั่น เพราะจากการสำรวจลูกค้า เราพบว่า ลูกค้าไม่ได้ชอบที่จะมีแอปเต็มหน้าจอมือถือโดยเฉพาแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้ง่าย และประกันชีวิตก็ไม่เหมือนแอปของธนาคาร หรือ แอปช้อปปิ้งที่ลูกค้าจะใช้บ่อยๆ ตรงจุดนี้ แรบบิทไลฟ์ จึงไม่เน้น และทำให้ไม่ต้องใช้งบไปกับการโปรโมท หรือโฆษณาเชิญชวนให้คนมาดาวน์โหลดแอปด้วย
“อย่างที่บอกเพราะ แรบบิทไลฟ์มีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจมาก ทั้ง เคอรี่ เอ็กซ์เพรส หรือ KEX ทั้ง แพลน บี มีเดีย หรือ PLANBล้วนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เราสามารถต่อยอดงานรวมกันได้ในการโปรโมทแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือเป็นจุดวางโบชัวร์ เป็นต้น”
อย่างไรก็ตาม แรบบิทไลฟ์ ไม่ได้ทิ้งตลาดเดิมไป ทั้งฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และการขยายตลาดที่ต้องผ่านช่องทางตัวแทน กรณ์ บอกว่า ตอนปรับแบรนด์ใหม่ บริษัทได้รับความสนใจจากตัวแทนขายราว 400 คนเข้ามาร่วมงานด้วย เพราะ แรบบิทไลฟ์ วางลำดับแผนงานไว้ชัดว่า ปัจจุบัน อนาคตจะทำอะไรบ้าง เช่น แผนในอีก 2 ปีข้างหน้าจะขยายเข้าสู่ตลาดยูนิตลิงก์ หรือในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปี 2565 จะออกประกันสุขภาพ และประกันบำนาญ เป็นต้น
แม้ตลาดประกันชีวิตจะแข่งขันกันดุเดือด จากผู้เล่นรายใหญ่ แต่ใช่ว่าจะไม่มีช่องทางให้รายเล็กได้หายใจ เพราะด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ล้วนสร้างโอกาสให้กับบริษัทที่เห็นช่องทาง และ “แรบบิทไลฟ์” คือ บริษัทประกันชีวิตที่เห็นโอกาสนั้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม