> SET > TACC

21 กันยายน 2022 เวลา 09:28 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down กรอบ 1,630-1,640 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังเป็นลบหลังสินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงขายอีกครั้งก่อนทราบผลการประชุม FED คืนนี้ ซึ่งค่อนข้างแน่ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% และที่สำคัญมากกว่า คือ ประมาณการเศรษฐกิจใหม่รวมถึง Dot Plot โดยเฉพาะมุมมองปี 2023 ล่าสุด Bond Yield ยังคงยืนในระดับสูงและ Dollar Index ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่ายังคงเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงและเป็นสัญญาณเตือนโอกาสเกิด Recession ในปีหน้า 


ส่วนหุ้นไทยคาดยังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัวสร้างฐานหลังจากปรับขึ้นแรงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เป็นขาขึ้นจะหนุนให้ดัชนีปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดหุ้นดลก รวมถึง Sentiment จากการเข้า High Season ของการท่องเที่ยวใน 4Q22 คาดหนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ให้ Outperform ระยะกลาง-ยาวยังมองกระแสเงินทุนค่อนไปในทิศทางไหลเข้า และประเมินระดับในการเข้าสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,600-1,610+- จุด


กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600-1,610+- จุด

หุ้นเด่นเดือนก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU


หุ้นเด่นวันนี้ : TACC

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท

• เราคาด TACC จะได้ Sentiment บวกในฐานะ Supplier หลักของ 7-11 ที่เตรียมปรับราคาเครื่องดื่ม All Café ขึ้นจากราคาเดิม 5 บาททุกรายการ (ยกเว้นกลุ่มท๊อปปิ้ง) มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 22 ซึ่งมีโอกาสได้ปรับขึ้นราคาขายตาม 

• แนวโน้มกำไรคาดชะลอตัวเล็กน้อย Q-Q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่จะกลับมาเร่งตัวใน 4Q22 จาก High Season ทั้งเครื่องดื่มและธุรกิจ Character เรายังคาดกำไรปี 2022-2023 +9% Y-Y และ +15% Y-Y 

• แนวรับ 7 บาท แนวต้าน 7.55 บาท


**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ผันผวน มีโอกาสปรับตัวลดลง ก่อนการประชุม FOMC ที่อาจขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ตลาดทั่วโลกยังรอคอยผลการประชุม FOCM คืนนี้ หาก Fed มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% ตลาดน่าจะมีแรงซื้อกลับ แต่หากการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกมา 1% ตลาดจะเป็นลบ จากความกังวลเรื่อง Recession ของสหรัฐฯที่จะตามมา


Bond Yield 2 และ 10 ปีของสหรัฐฯ เร่งตัวสูงขึ้น คืนที่ผ่านมาขึ้นแตะ 4.0% และ 3.6% ตามลำดับ สะท้อนว่าตลาดกำลังเชื่อว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ในการประชุมครั้งนี้


เจ.พี. มอร์แกน มองไทย และญี่ปุ่น เป็นจุดอ่อนในเอเชีย เมื่อพิจารณาจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เรามองว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฝรั่งเทขายตลาดหุ้นไทย สะสมเดือนนี้ สูงถึง 1.5 หมื่นลบ.


ค่าเงินบาทอ่อนค่า กลับไปแตะ 37 บาทอีกครั้ง ขณะที่ ครม.มีการสั่งให้ธปท. ติดตามอย่างใกล้ชิดหากยังอ่อนค่าลงไปกว่านี้อาจจะทำให้ ธปท.มีการเข้ามาแทรกแซงค่าเงินบาท


ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ยอดขายบ้าน เดือน ส.ค ของสหรัฐฯ


Strategy

เข้าสู่วันสุดท้ายของการรอผลประชุม FOMC เพราะผลประชุมคืนนี้(21) จะมีผลต่อตลาดค่อนข้างมาก(บวก/ลบ) เรายังแนะนำให้เพียงเก็งกาไรช่วงสั้น รอซื้อในจังหวะที่ดัชนีฯปรับตัวลง


หุ้นที่เป็น Domestic Play จะเลี่ยงความเสี่ยงที่มาจากต่างประเทศได้ระดับหนึ่ง เรายังให้น้ำหนักกับ 2 กลุ่ม คือ ธนาคาร (BBL, KTB) และหุ้นท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW)


เก็งกำไรหุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ วันนี้ เราชอบ XPG, UBE


หุ้นในพอร์ตวันนี้เรานำ VGI ออกจากพอร์ต และนำหุ้น WHA เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย WHA(10%), CENTEL(10%),KCE(10%), NEX(10%), GLOBAL(10%), AOT(10%), CKP(10%),

KTB(10%)


Strategy Stock Pick

WHA: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 3.70 บาท) “ครึ่งปีหลังยอดขาย-โอนที่ดินแน่น รายใหญ่ EV-BYD เบิกทาง”

• ประเมินครึ่งปีหลังยอดโอนแน่นรับ High Season บ. ปรับเป้า Presale ปี’22 ขึ้นที่ 1650 ไร่ ผู้ประกอบการ EV ต่างประเทศที่ต้องการมาทำตลาดในไทย อาทิ BYD เตรียมลงทุนสร้างโรงงาน คาดผู้ประกอบการรายอื่นจะทยอยเข้ามาเช่นกัน

• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 3.15 พัน ลบ. และ 3.52 พันลบ. +22%YoY, +12%YoY ตามลำดับ


Technical: PSL, BRR


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,620 แนวต้าน 1,640 – 1,645 รอผลประชุมเฟดค่ำวันนี้ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มท่องเที่ยว ERW,CENTEL,AAV,BA,BAFS/ SCGP,EPG,TOA (+ต้นทุนน้ำมันลดลง)/ BLA,TLI (+Bond Yield ปรับขึ้น)/ TU, ASIAN (+บาทอ่อนค่า)  


AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64/65 คาดเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทย ด้วยการยกเลิก Thailand Pass ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่นักเดินทาง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนคลี่คลายลงไปมาก ส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว โดยจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารรวมในช่วง  4Q64/65 เดือน ก.ค./ส.ค.และ 10 วันแรกของเดือน ก.ย. ยังคงเติบโตต่อเนื่อง YoY, MoM ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7M65 มีจำนวน 3.15 ล้านคน โดย ททท.คาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีโอกาสถึง 10 ล้านคน หากในช่วงที่เหลือของปีมีเข้ามากกว่า 1-1.5 ล้านคน/เดือน


WHA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.18 บาท) ประเมินภาพการดำเนินงานในปีนี้ช่วงที่เหลือยังคงสดใส โดยทาง WHA มีการปรับเป้ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้ เป็น 1,650 ไร่ (จากเดิมที่ตั้งไว้ 1,250 ไร่) รองรับลูกค้าต่างประเทศที่ทยอยเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ด้านความต้องการเช่าคลังสินค้าก็คาดว่าจะยังสูงต่อเนื่อง มีโอกาสปิดดีลทำสัญญาลูกค้าเช่าพื้นที่คลังสินค้าใหม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 185,000 ตร.ม.จาก 1H65 เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้ากับลูกค้าใหม่แล้ว 98,214 ตร.ม.ในขณะที่ธุรกิจUtility โครงการโซลาร์รูฟท็อป มีโครงการที่ COD แล้ว 62 MW และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 64 MW ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.17 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.23 บาท/หุ้น, และ  0.26 บาท/หุ้น ตามลำดับ



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1



จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X