#TMT #ทันหุ้น - TMT มองดีมานด์การใช้เหล็กยังคงมี แต่อาจไม่สูงนักหลังจากที่ความต้องการซื้อเพื่อกักเก็บสินค้าคงคลังหดตัว จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หั่นเป้ารายได้รวมทั้งปี 2565 โต 5% ด้านโบรกส่องปีหน้าฟื้นตัว การขยายลงทุนก่อสร้างกลับมา ราคาเหล็กมีทิศทางดีขึ้น ส่งผลกำไรโต

นายไพศาล  ธรสารสมบัติ  ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอ็มที สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ TMT เปิดเผยว่า มองว่าความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์เหล็กเพื่อใช้งานยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จากนี้จะเห็นการซื้อเพื่อเก็บเป็นสินค้าคงคลังในช่วงที่เหลือของปีนี้อาจมีแนวโน้มชะลอตัวลง เป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัว รวมถึงจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์เหล็ก แม้ว่าระดับราคาขายในช่วงไตรมาส 3/2565 จะสูงกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แต่เป็นผลของต้นทุนสินค้าที่ผลักดันราคาสินค้าในขณะที่ความต้องการชะลอตัวลง

*ราคาเหล็กหดตัว

รวมถึงทิศทางของราคาในช่วงไตรมาส 3/2565ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลทำให้คาดว่าส่วนต่างของราคาแคบลงตามไปด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าในส่วนของภาคการท่องเที่ยวและการบริการมีโอกาสที่จะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 6 เดือนหลังปี 2565 นี้ แต่ด้วยภาวะเงินเฟ้อ และหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้การจับจ่ายใช้สอยอาจทำได้ไม่เต็มที่ การลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะโครงการจากภาคเอกชนอาจชะลอตัว

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าไตรมาส 4/2565สถานการณ์เงินเฟ้ออาจพีคที่สุด หลังจากนั้นจะเริ่มกลับสู่สภาวะปกติได้มากขึ้น สำหรับการลงทุนของภาคเอกชนอาจเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นช่วงก่อนกลางปี 2566ส่วนแนวโน้มราคาเหล็กในช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่าจะกลับคืนสู่สภาวะสมดุลมากขึ้น ขณะที่คำสั่งซื้อล่วงหน้าที่มีอยู่ในมือปัจจุบันทำให้ประเมินคร่าวๆ ว่าปริมาณการขายเฉพาะในไตรมาส 3/2565 จะอยู่ที่กว่า 160,000-180,000 ตันต่อปี ซึ่งทรงตัวใกล้เคียงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทได้มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2565 ใหม่เหลือที่ประมาณ 5% จากปีก่อน เพื่อให้สอดรับกับทิศทางของเศรษฐกิจที่อ่อนตัว และปริมาณการขายตลอดจนราคาเหล็กที่ลดลงกว่า 15%นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม และคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีนี้ไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 7-8%

ส่องปีหน้ากำไรดี

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คาดผลประกอบการTMT ในไตรมาส 3/2565 จะต่ำสุดในปีนี้ โดยในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 65 บริษัทอาจมี GPM ติดลบ แต่เดือนกันยายนดีขึ้น GPM ฟื้นเป็นเลขสองหลักได้เมื่อต้นทุนสูงหมดไป รวมทั้งไตรมาสน่าจะมี GPM เป็นบวกได้บางๆ ส่วนบรรทัดสุดท้ายทางผู้บริหารมองว่าน่าจะปริ่มๆ หรือขาดทุนเล็กน้อย ผลประกอบการภาพรวมปี 2565 ชะลอลงกว่าที่เคยคาดไว้ คาดว่าปริมาณขายน่าจะทรงตัวที่ 7.1 แสนตัน ส่วนยอดขายโต +5% จากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกปีนี้

สำหรับแนวโน้มปี 2566 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ประเมินว่าอุปสงค์เหล็กจะเติบโตได้ในปี 2566หลังเศรษฐกิจขยายตัว การก่อสร้างกลับมา ปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้างน้อยลง ราคาเหล็กมีเสถียรภาพมากขึ้นเงินเฟ้ออยู่ในระดับ 2% กว่าๆ ทางฝ่ายคาดการณ์ยอดขายเพิ่ม +7% และ GPM ปีหน้าเพิ่มเป็นระดับปกติที่ประมาณ 7.5%ยังผลให้กำไรสุทธิจะเติบโต +147% เป็น 763 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายแนะนำ "ถือ" ราคาพื้นฐาน  8.70 บาท อิงกับ P/BV ปี 66 ที่ 2.2 เท่า (Mean+0.5SD) แม้ว่าผลประกอบการปี 2565 จะอ่อนแอลงมาก แต่คาดว่าจะให้ Dividend Yield ระดับ 3.2% ต่อปีได้อยู่ ส่วนปี 2566 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 7.9% โดยมีสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผล 75%ของกำไรสุทธิ สำหรับความเสี่ยงหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้, ราคาเหล็กในตลาดโลกผันผวนจากนโยบายของจีน, การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ล่าช้า

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1