10 ตุลาคม 2022 เวลา 06:20 น.
ในอดีตการลงทุนในตลาดหุ้นมักจะเล่นกันตามกระแส ตามแห่ ตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยอารมณ์ ตามข่าวทั้งที่เป็นจริง เป็นข่าวลือข่าวเท็จ ด้วยลักษณะของการเก็งกำไร เฮไหนเฮกัน ใครอยู่ต้นน้ำก็เอากำไรไปได้ ส่วนใครอยู่ปลายน้ำก็เสียหายขาดทุน
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นมีการพัฒนามาต่อเนื่อง นักลงทุนเริ่มมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้น มีกฎระเบียบจากหน่วยงานรับผิดชอบเข้ามาดูแล ให้เกิดความเท่าเทียมกันในข้อมูลบริษัทจดทะเบียน มีบทวิเคราะห์ที่มีความน่าเชื่อถือ ที่อิงจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ส่งผลให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูล เรื่องราวข่าวสารอย่างเท่าเทียม ทันต่อเหตุการณ์มากขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก จนสามารถนำไปตัดสินใจเพื่อการลงทุนที่ถูกต้อง และลดความเสี่ยงต่อการลงทุนลงได้
ดังนั้น นักลงทุนที่สามารถก้าวสู่ความสำเร็จต่อการลงทุนได้ด้วยดีนั้น ต้องแสวงหาข้อมูลที่เป็นจริง แล้วนำข้อมูลนั้นมาพิจารณาไตร่ตรอง ประเมินได้ถึงราคาหุ้นในอนาคตของหุ้นเป้าหมายให้ได้ ก็จะทำให้การลงทุนของเรานั้นก้าวสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากต่อไป อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วไปส่วนใหญ่ ยังติดกับดักของความสะดวกสบาย ไม่อดทน ขอเพียงให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็ว แม้จะผิวเผิน หรือไม่มีที่มาที่ไป ขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ หรือขอเพียงแค่ซื้อแล้วให้ได้กำไรก็พอ ซึ่งในความเป็นจริงหากเป็นดังที่คิดกัน ไม่อย่างนั้นนักลงทุนคงร่ำรวยจากการลงทุนกันหมดทุกคน และไม่มีใครขาดทุน จริงมั๊ยครับ
การจะประเมิน และการคาดการณ์อนาคตของหุ้นเป้าหมายให้ได้นั้น ต้องเริ่มต้นด้วยการค้นหาหุ้น โดยดูจากข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น ค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ดูพื้นฐานของหุ้นว่า ที่ผ่านมามีผลประกอบการเป็นอย่างไร ค่าพี/อีอยู่ที่เท่าไหร่ เงินปันผลตอบแทนดีหรือไม่ การบริหารจัดการ และเงินทุนเป็นอย่างไร หนี้สินต่อทุนเป็นอย่างไร ตลอดจนมีเรื่องราวข่าวสารที่เป็นสตอรี่ดี ๆ ในอนาคตด้วยหรือไม่ ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลที่หาได้ไม่ยาก
ขอยกกรณีศึกษาในหุ้น NER หรือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ที่เฝ้าติดตามมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันราคาหุ้นของ NER อยู่แถว ๆ 5.50-5.80 บาท บนค่าพี/อีประมาณ 5.40 เท่า ขณะที่ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิกว่า 850 ล้านบาท เทียบกับราคาหุ้นยังถือว่าค่อนข้างถูก นอกจากนี้ ด้วยสถานการณ์ราคายางพาราเฉลี่ยที่สูงกว่าในอดีต การขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากออเดอร์ที่มีเข้ามาจากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่นับการผลิตสินค้าปลายน้ำที่มีมาร์จิ้นสูง อย่างยางรองปูนอนปศุสัตว์ และสินค้าปลายน้ำชนิดอื่น ๆ ที่จะเข้าเสริมในอนาคต ยิ่งทำให้หุ้น NER นั้นมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น
อ้างอิงจาก บทวิเคราะห์ ที่มีการประเมินว่ากำไรของ NER ในปี 2565 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 1,900 ล้านบาท ที่มาจาก ปริมาณขายยางพาราอยู่ที่ 460,000 ตัน ที่ราคาขายยางเฉลี่ยอยู่ที่ 55 บาทต่อกิโลกรัม ถ้าเราพิจารณาจากข้อมูลที่มี จะสามารถประเมินมูลค่าราคาเหมาะสมในอนาคตของหุ้น NER ที่ได้จาก การนำเอากำไรสุทธิ 1,900 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ราว 1,848 ล้านหุ้น จะได้กำไรต่อหุ้นที่ 1.02 บาท นำเอากำไรต่อหุ้นคูณกับค่าพี/อีที่เราคาดหวัง ในที่นี้ขอเอาค่าพี/อีที่ไม่ได้สูงมากที่ระดับ 8 เท่า ก็จะได้ราคาเหมาะสมปีนี้ของหุ้น NER อยู่ที่ราว 8.20 บาท นั่นเท่ากับว่าราคาหุ้นจากพื้นฐานในอนาคตนั้น อยู่สูงกว่าราคาบนกระดานในปัจจุบัน ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว นี่เป็นเพียงตัวอย่างการประเมินหาราคาหุ้นอย่างง่าย ที่เราสามารถประเมินได้จากข้อมูลต่าง ๆ ที่มี และไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย เพียงแต่เราต้องให้เวลาค้นหา คิดไตร่ตรอง ก่อนตัดสินใจลงทุน โชคดีครับ
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม