กลุ่มเอไอเอโชว์งบแกร่ง Q3มูลค่าธุรกิจใหม่โต7%

#กลุ่มบริษัทเอไอเอ #ทันหุ้น กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดงบไตรมาส 3 มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโต 7% หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายมากขึ้นในหลายพื้นที่ สนับสนุนการขาย และการสรรหาตัวแทนได้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการประกันสุขภาพ ที่เข้ามาสนับสนุนกรเติบโตของกลุ่มบริษัท

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเอไอเอ มีผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้น 7% คิดเป็น 741 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส3/2566 จากทุกกลุ่มธุรกิจที่สามารถรายงาน ซึ่งแสดงถึงผลประกอบการที่กลับมาของเราในไตรมาสที่2 และต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่3

“การขายผ่านตัวแทนพรีเมียร์ เอเจนซี่ และช่องทางพันธมิตร สร้างการเติบโตที่สูงขึ้นให้แก่มูลค่าธุรกิจใหม่ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่3/2564 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มการขายที่เหนือกว่าทั่วภูมิภาคเอเชีย และการสรรหาตัวแทนปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสนี้ บวกกับประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตเมื่อเทียบปีต่อปี อีกทั้ง เอไอเอยังมุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ (TDA) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนงานบริการให้กับลูกค้า”

เข้าซื้อกิจการหนุนแกร่ง

นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าวอีกว่า เดือนสิงหาคมบริษัทดำเนินการเพื่อเข้าซื้อกิจการ Blue Cross แล้วเสร็จซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพเฉพาะทางในฮ่องกง และในเดือนกันยายน ได้เข้าซื้อกิจการ MediCard ซึ่งเป็นองค์กรดูแลสุขภาพชั้นนำ (HMO) ในประเทศฟิลิปปินส์ การที่เอไอเอมีบริการใหม่เพิ่มเติมเหล่านี้จะช่วยเร่งกลยุทธ์ใหม่ด้านสุขภาพได้แบบบูรณาการสร้างการเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่โดนใจมากขึ้น

ฐานะทางการเงินของกลุ่มยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์ในตลาดเงินทุนทั่วโลกที่มีความไม่แน่นอน และยังสามารถคืนทุนส่วนเกินให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อคืนหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ โครงสร้างการจัดการเงินทุนของบริษัทช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทสามารถทนต่อแรงกดดันจากตลาดทุนและบริหารทรัพยากรให้เพียงพอ รวมถึงรักษาความยืดหยุ่นทางการเงิน เพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ และสร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่าของธุรกิจต่อไป

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 กลุ่มบริษัทเอไอเอ มีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) มีมูลค่า 741 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2564 ซึ่งเติบโตจากทุกส่วนงานที่รายงานผล ประกอบกับการเติบโตของทั้งช่องทางตัวแทนและพันธมิตร

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตแบบปีต่อปีได้อย่างโดดเด่นจากการขยายสาขา ซึ่งทั้งการปฏิบัติงานผ่านระบบดิจิทัล ประกอบกับโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่เป็นมืออาชีพ ทำให้เอไอเอ ประเทศจีน มีความแตกต่างเหนือคู่แข่ง อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการสรรหาตัวแทนใหม่ในระดับที่ดี รวมถึงผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากทั้งตัวแทนใหม่และตัวแทนที่มีอยู่ของเราในไตรมาสที่สาม

ตัวแทนในไทยผลงานดี

เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในไตรมาส3 จากการขายผ่านทุกช่องทาง รวมถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งจากพันธมิตรธนาคาร บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงในการสรรหาตัวแทนใหม่ ซึ่งช่วยทำให้มีจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับบริษัทได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังคงมองเห็นแนวโน้มเชิงบวกจากไตรมาสที่2 และเห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจแบบไตรมาสต่อไตรมาส าจากยอดเคลมของโรคโควิด 19 ที่ลดลงในไตรมาสที่ 3

เอไอเอ ประเทศสิงคโปร์ และเอไอเอ ประเทศมาเลเซีย มีความแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งในไตรมาสที่สอง จนถึงไตรมาสที่สาม โดยทั้งสองตลาดมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลข2หลักอีกครั้ง โดยการขายผ่านตัวแทนพรีเมียร์ เอเจนซี่ และช่องทางพันธมิตร สร้างมูลค่าใหม่ให้เติบโตขึ้น

ขณะเดียวกันธุรกิจของบริษัทในประเทศออสเตรเลียและประเทศเกาหลีใต้ยังคงเห็นตัวเลขมูลค่าธุรกิจใหม่ลดลง แต่ยังคงสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่โดยรวมที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากจากตลาดอื่น ๆ ในทุกส่วนที่รายงานผล และทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต ในประเทศอินเดียยังคงส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ดี ซึ่งได้แรงหนุนจากผลงานที่แข็งแกร่งจากแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายหลายช่องทาง

งบไตรมาส3เติบโต

โดยภาพรวมไตรมาส 3/2565 เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 8% หรือเพิ่มเป็น 1,271 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงทรงตัวในวงกว้างจากปีที่แล้วที่ 58.1%สำหรับสมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2564 ของบริษัท กำไรที่รายงานเป็นมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) เพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 9%ในไตรมาสที่สามของปี 2564 ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 2% เป็น 8,656ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน