> SET > JWD

15 พฤศจิกายน 2022 เวลา 08:45 น.

JWDชูโลจิสติกส์ ขนส่งรถอีวีหนุน ควบรวมดันแกร่ง

#JWD #ทันหุ้น – JWD มั่นใจรายได้ปี 2565 โตเข้าเป้า 15% ยืนเหนือ 6 พันล้านบาทได้ตามเป้า จับตาไตรมาส 4/2565 เด่น หลังเข้าไฮซีซันธุรกิจโลจิสติกส์ มองยานยนต์ฟื้นตัว จีนลงทุน EV Car ในไทยหนุน เดินหน้าควบรวมกิจการ SCGL ปักธงปี 2570 ดันมาร์เก็ตแคปแตะ 100,000 ล้านบาท


นายชวนินทร์  บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้รวมปี 2565 จะไม่น้อยกว่า 15% หรือแตะที่ระดับมากกว่า 6,000 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมแล้วที่ระดับ 3,817.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 391.5 ล้านบาท หลังจากที่เห็นสัญญาณการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในไตรมาส 4/2565 และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ


โดยธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป ปัจจุบันคลังสินค้าทั่วไปภายในพื้นที่เขตปลอดอาการท่าเรือแหลมฉบังมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม ขณะที่คลังสินค้าห้องเย็นนั้น คาดว่าจะรับรู้รายได้จาก คลังสินค้าห้องเย็น PACM (ร่วมทุนกับบริษัท เอ็ม เอ็ม พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) พื้นที่รวม 10,800 ตารางเมตร จัดเก็บสินค้าได้ 20,000 พาเลต ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็มแล้ว


ส่วนธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนขยายการลงทุนร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN  ที่เป็นพาร์ตเนอร์ และ Fuze Post (ฟิ้วซ์ โพสต์) ในการขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้เริ่มเปิดให้บริการสาขาที่พัทยาไปแล้ว และสาขาที่ 8 ที่บางซื่อ อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ด้านธุรกิจให้บริการขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิที่บริษัทร่วมทุนกับไปรษณีย์ไทย และแฟลช เอ็กซ์เพรส คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


*ขนส่งรถยนต์อีวีหนุน


ขณะที่ธุรกิจขนส่งสินค้า และธุรกิจรับขนย้ายนั้น ด้วยการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ประกอบกับจากการเข้ามาลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันบริษัทรับหน้าที่ขนส่งยานยนต์ BYD และมีแผนที่จะทยอยส่งมอบสินค้าจำนวนมากในช่วงปลายปี 2565 นี้ อีกทั้งยังมองว่าธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ยังได้รับอานิสงส์ดังกล่าวตามการขยายตัวของการเข้ามาลงทุนในไทยอีกด้วย


สำหรับการรวมกิจการโดยการแลกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท กับหุ้นสามัญของบริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SCGL ในการแลกหุ้นนี้ โดยบริษัทจะซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ SCGL ซึ่งประกอบกิจการโลจิสติกส์ โดยซื้อหุ้นจากบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ ก่อสร้าง จำกัด หรือ SCG CBM, บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด หรือ SCG Distribution และ Yamato Holdings Co., Ltd. หรือ Yamato Holdings ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ SCGL ในสัดส่วน 68%, 30.2% และ 1.8% ตามลำดับ คาดว่าธุรกรรมการรวมกิจการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2566


*ขึ้นแท่นผู้นำโลจิสติกส์


ทั้งนี้ หลังจากที่การรวมกิจการแล้วเสร็จจะส่งผลให้บริษัทก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน ที่ประกอบธุรกิจใน  9 ประเทศ บวกกับอีก 1  ประเทศจีน ซึ่งจะนำจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโต อีกทั้งยังสามารถสร้าง Synergy การลดต้นทุนทางการเงิน รวมไปถึงการทำกลยุทธ์ Upselling และ Cross-Selling ด้วย อย่างไรก็ดี ในปี 2566 หลังจากการรวมกิจการแล้วเสร็จ จะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 10,000-15,000 ล้านบาท


นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งจะเป็นแหล่งเงินทุนที่เข้ามาเพื่อรองรับการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาท ในปี 2570 จาก ณ วันที่การแลกหุ้นสามัญแล้วเสร็จคาดว่าจะมี Market Cap ราว 43,500 ล้านบาท ด้วยผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตไม่ต่ำกว่า 1 เท่าตัวภายในระยะเวลา 5 ปี ต่อจากนี้ โดยเฉพาะการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตาม ทั้ง JWD และ SCGL ยังมีความสนใจในการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการและขยายศักยภาพในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยในขณะนี้มีดีลที่อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ในมือประมาณ 6 ดีล เบื้องต้นคาดว่าหลังจากช่วงกลางปี 2566 จะได้เห็นความคืบหน้า


*แนะซื้อเป้า 24.20 บ.


บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า กำไรปกติในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 122 ล้านบาท ลดลง 20.1% จากไตรมาสก่อน และหดตัวลง 12.4% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน จากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลง แต่ทางฝ่ายคาดว่ากำไรปกติในไตรมาส 4/2565 จะฟื้นตัวมาที่ 150 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากธุรกิจยานยนต์ และสินค้าอันตรายมีแนวโน้มฟื้นตัว ทำให้มีการปรับประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 70% จากการรวมกำไรของ SCGL คาดเริ่มเห็น Synergy ในช่วงครึ่งหลังปี 2566


และหลังจากนี้จะเห็นการ M&A ที่ Aggressive มากขึ้น เพราะ IBD/E หลัง M&A ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ JWD หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/2565 โดยคาดกำไรทำ New High ได้ในช่วงไตรมาส 1-2/2566 ทั้งนี้การปรับประมาณการกำไรขึ้น และปรับเพิ่ม PER ขึ้นจาก 30 เท่า เป็น 34.5 เท่า (+0.25SD + 2%ESG Premium) ได้ราคาเป้าหมายใหม่เป็น 24.20 บาท และซื้อขายที่ PER 66 เพียง 26.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 6 ปี ที่ 31.1 เท่า ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ"


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X