เปิดมุมมอง 2 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ส่องพื้นฐาน-เทคนิคลงทุน BDMS-CHG-KTB-VGI
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,610-1,630 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามเช้านี้คือตัวเลข GDP 3Q22 ของไทย ซึ่งหากออกมาตามคาดหรือสูงกว่าคาด เราประเมินว่าจะเป็นปัจจัยบวกและสร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยใน 4Q22-2023 ที่จะเร่งตัวขึ้น กลุ่มพลังงานอาจถ่วงตลาดบ้างตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงจากความกังวล Demand น้ำมันที่ชะลอตัวจากจีนเป็นหลัก แต่เรามองบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นทางอ้อมและแนวโน้มเงินเฟ้อที่จะผ่อนคลายลง
ด้าน Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯขยับขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดรอดูรายงานการประชุม FOMC ในคืนวันพุธเพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในระยะถัดไป ขณะที่ส่วนต่าง Bond Yield 10 ปีและ 2 ปีของสหรัฐฯ ยังขยับติดลบเพิ่มขึ้นเป็นกว่า -70 bps ซึ่งสะท้อนความเสี่ยง Recession ที่สูงขึ้น
เราประเมินตลาดยังอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวสร้างฐานระยะสั้น และยังคงมองบวกในระยะกลาง-ยาวตามทิศทางเศรษฐกิจที่เร่งตัว จังหวะพักตัวของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสม โดยระยะกลาง-ยาวมองที่บริเวณ 1,580+- จุด
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือนพ.ย. : BBL, DOHOME, EKH, MAKRO, NOBLE
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 33 บาท
• โทนการประชุมนักวิเคราะห์สัปดาห์ก่อนเป็นบวก ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 2022 ขึ้นเป็น +22% Y-Y (เดินคาด +15-20% Y-Y) โดยคาดโมเมนตัม 4Q22 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องจากสัญญาณบวกในเดือน ต.ค. จำนวนผุ้ป่วยไทยเหนือกว่าช่วงก่อน COVID-19 แล้ว ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อน COVID-19
• เป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2023-2025 อยู่ที่ +6-8% CAGR ซึ่งใกล้เคียงกับกับในอดีตที่จะเติบโตราว 1.5-2 เท่าของการเติบโตของ GDP เราคาดกำไรปกติปี 2022-2023 +47% Y-Y และ +14% Y-Y ทำ New High ต่อเนื่อง
• แนวรับ 28//27 บาท แนวต้าน 30//32 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,610 แนวต้าน 1,620 – 1,625 ได้ปัจจัยหนุนจาก IMF คาด GDP ไทยปีนี้ +2.8% ปีหน้าคาด +3.7% จากการบริโภค & ท่องเที่ยวปรับดีขึ้น แนะนำทยอยซื้อ CPALL,MAKRO,BJC,HMPRO ( +ยอดขายคาดดีขึ้นในช่วงบอลโลก )
• PTG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 17.70 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว QoQ (YoY พลิกกำไร) ได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของการเดินทาง ส่งผลบวกธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน (ท่องเที่ยว) น้ำมันดีเซล (เก็บเกี่ยวผลิตภาคเกษตร) นอกจากนี้ยังส่งผลบวกต่อธุรกิจ non-oil จากการขายกาแฟ ขณะที่ต้นทุน SG&A จะยังคงสูงต่อเนื่องจาก 3Q65 ทั้งจากการปรับขึ้นค่าแรง (เร่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย) และค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการขยับ Marketing Margin เพื่อสะท้อนต้นทุนดังกล่าวทำให้แนวโน้มทรงตัวที่ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร ขณะที่ธุรกิจ Palm complex คาดว่าจะขาดทุนลดลง จากการส่วนผสมเป็น B7
• BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี66 42.00 บาท) เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการ 4Q65 เป็นจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัวแรง QoQ จากการเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย และ จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งไตรมาส4 ก็เป็น high season ของการท่องเที่ยวในไทยอยู่แล้ว โดย Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อกลุ่ม CVS; mini BigC รวมไปถึงการซื้อขนมขบเคี้ยว/ของฝากใน BigC นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากงานฟุตบอลโลก รวมไปถึงนโยบายการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯที่คาดว่าจะออกมาในเดือนนี้ด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิปี65 และ 66 อยู่ที่ระดับ 5,079 ลบ.(+41.69%YoY) และ 6,024 ลบ.(+18.59%YoY) ตามลำดับ
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1610-1630 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1617.38 จุด /-1.21%) ตลาดกลับมากังวลจากความไม่แน่นอนของตัวแปรสำคัญๆ ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed สถานการณ์ยูเครน (ที่รัสเซียมีการโจมตีรอบใหม่)
สถานการณ์จีน ยังไม่แน่ใจว่าจะไปในทิศทางใด หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการ แต่ตัวเลขผู้ ติดเชื้อยังกลับมาสูง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีนยังเสี่ยง รวมถึงราคาน้ำมันช่วงนี้อาจจะต้องระวัง ความผันผวน หากสถานการณ์จีนดีขึ้น จะช่วยหนุนราคาให้ปรับตัวขึ้น
Flowไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา หากตัวแปรที่เป็นความกังวลของตลาด คลี่คลายลง อาจจะทำให้ Flow ไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง
ยังต้องติดตามกรณีของหุ้น MORE ว่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นหรือไม่
Strategy
• สัปดาห์นี้ตลาดยังไม่มีทางเดินที่ชัดเจน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งนโยบายของจีน และดอกเบี้ย สหรัฐฯ การลงทุนยังต้องเน้นเล่นสั้นๆ จับประเด็นข่าวรายวันมาเล่นกัน
• ควรถือเงินสด ไว้ระดับนึง เพราะตลาดยังมีทิศทางไม่ชัดเจน (พอร์ตเราถือเงินสด 60%)
• Flow ยังไหลออกจากตลาดหุ้น ถ้าฝรั่งกลับมา Net Buy จะเริ่มเข้าซื้อหุ้นได้ เราเล็ง PTTEP, PTT, BDMS ไว้
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น MAKRO เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย MAKRO(10%), JWD(10%), SAPPE(10%), SYNEX(10%), CENTEL(10%)
Strategy Stock Pick
MAKRO: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 40.50 บาท) “รายได้จากการขายและค่าเช่าฟื้นตัวต่อเนื่อง มาร์จิ้นฟื้น”
• รายได้จากการขายและค่าเช่าฟื้นตัวต่อเนื่องได้อานิสงค์จากการเปิดเมือง (9M22 รายได้รวม +108%YoY มีการรวมงบ Lotus ด้วย) ที่สำคัญอัตรากำไรขั้นต้น 9M22 ฟื้นตัวขึ้นมาที่ระดับ 16.3% เทียบกับ 9M21 ที่ 11.6%
• แนวโน้มผลประกอบการในปี ‘23 ดีกว่าปี ’22 อย่างมีนัยสำคัญผลลัพธ์จากการ Rebranding, การทำ Cost Improvement, การจัด Mixture ของรายได้ที่เน้นส่วนมาร์จิ้นสูงจะช่วยให้กำไรของ MAKRO ดีขึ้น
• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 7.98 พัน ลบ. และ 1.28 พัน ลบ. -42%YoY, +60% ตามลำดับ
Technical : ICHI, SPACK
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
[email protected] คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม