#BANPU #ทันหุ้น - BANPU มั่นใจผลงานไตรมาส 4/2565 จะแรงกว่าไตรมาส 3/2565 เข้าไฮซีซันธุรกิจแหล่งพลังงาน เชื่อราคาถ่านหิน-ก๊าซธรรมชาติ มีแนวโน้มอาจจะกลับขึ้นมาสูงกว่าไตรมาส 3 ดีมานด์สูงและซัพพลายยังตึงตัว แย้มสนใจรุกธุรกิจเหมืองแร่ต้นน้ำทำแบตเตอรี่ พร้อมเดินหน้าซื้อโรงไฟฟ้า นำธุรกิจก๊าซเข้าตลาดหุ้นสหรัฐมั่นใจปี  2566 ได้ข้อสรุป

นางสมฤดี  ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 จะมีการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 2,397 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 487 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลักๆ เป็นผลมาจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ทั้งถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวทำให้เกิดดีมานด์พลังงานสูง ในขณะที่ซัพพลายทั้งถ่านหินและก๊าซธรรมชาติยังคงตึงตัว

@ประเมินถ่านหิน-ก๊าซพุ่ง

โดยในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565 ดัชนีราคาถ่านหิน The Newcastle Export Index (NEX) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับราคา 378.8 ดอลลาร์ต่อตัน ในขณะที่ดัชนีราคาก๊าซธรรมชาติ Henry Hub อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 5.02 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู แม้ว่าการกลับมาดำเนินการตามปกติของ Freeport LNG ในช่วงที่ผ่านมาช่วงระยะสั้นๆ อาจจะทำให้ราคาทั้งถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีการย่อตัวลงบ้าง แต่ยังเชื่อมั่นว่าด้วยดีมานด์พลังงานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ยังคงทรงตัวใกล้เคียงหรือดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ราคาถ่านหินอยู่ที่ 426 ดอลลาร์ต่อตัน และราคาก๊าซอยู่ที่ 8 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู

บริษัทคาดว่าจะมีการรับรู้ผลการดำเนินงานของแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของรัฐเท็กซัส (North Texas) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการลงทุนไปเมื่อไตรมาส 3/2565 ทำให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 78.09 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (Bcf) ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่อาจยังไม่ได้เห็นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในปี 2566 เป็นต้นไป

@รอซื้อธุรกิจไฟฟ้า

ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้า (Energy Generation) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำดีลดิลิเจนท์ในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายแห่งในสหรัฐรวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนด้วย ซึ่งบริษัทจะรอลงทุนในช่วงจังหวะที่เหมาะสม ทั้งนี้โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในพอร์ตปัจจุบันก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งพลังงานหมุนเวียน (Renewables) และพลังงานความร้อน (Thermal)

บริษัทยังคงเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2568 รวมทั้งสิ้น 5,300 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ปล่อยมลพิษต่ำ (HELE) และ Thermal 4,500 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานหมุนเวียน 800 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการลงทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 3,200 เมกะวัตต์

@ BKV เข้าตลาดสหรัฐปี 66

ความคืบหน้าของ BKV Corporation หรือ BKV ที่เป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดำเนินธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเตรียมเข้าตลาดหุ้นสหรัฐนั้น ปัจจุบันได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์รวมถึงร่างหนังสือชี้ชวน (Public Filing) ต่อ U.S. Securities and Exchange Commission เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)  จะเริ่มเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ภายใต้แผนการทํา IPO ภายหลังจากที่ U.S. Securities and Exchange Commission ได้ประกาศว่าแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ มีผลบังคับใช้แล้ว คาดว่าการเสนอขายหุ้นดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในปี 2566

แนวโน้มการเติบโตในปี 2566 บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตในด้าน Greener & Smarter ทั้งในบ้านปูเพาวเวอร์ และบ้านปูเน็กซ์ เป็นหลัก

พร้อมกันนี้บริษัทยังคงมีความสนใจการลงทุนในแหล่งแร่ที่เป็นต้นน้ำ เช่น แร่นิกเกิล แมงกานีส และโคบอล เป็นต้น เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบรองรับการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี ซึ่งในตอนนี้บริษัทมีส่วนงานทีมศึกษาและหาโอกาสในธุรกิจ STRATEGIC MINERALS อย่างต่อเนื่อง

@ กูรูเชียร์ "ซื้อ"

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางฝ่ายแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 20 บาท จาก BANPU แจ้ง SET ว่า BKV ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจ Shale Gas ในสหรัฐ และ BANPU ถือหุ้น 96.1% ได้ยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต.สหรัฐเพื่อเสนอขายหุ้นใหม่ผ่านมีแผนจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน NYSE ในปี 2566 โดยหุ้นส่วนที่เหลืออีก 3.9% ของ BKV ถือโดยผู้บริหารของ BKV BANPU ยังไม่เปิดเผยจำนวนหุ้นใหม่ที่เสนอขายผ่าน IPO และสัดส่วนการถือหุ้นของ BANPU จะเหลือเท่าไหร่หลัง IPO แต่แจ้งว่า BANPU ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BKV หลัง IPO

หากใช้สมมติฐานราคาก๊าซ Henry Hub ระยะยาวที่ 5.0 ดอลลาร์/mcf EBITDA ของ BKV จะอยู่ที่ปีละ 800 ล้านดอลลาร์ และหากอิงจากราคาหุ้นในธุรกิจ Shale Gas ที่คิดเป็นมูลค่ากิจการต่ออีบิทดา (EV/EBITDA) ที่ 4.5 เท่า เราประเมินว่ามูลค่ากิจการ (EV) ของ BKV น่าจะอยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ (หักหนี้สินสุทธิ 400 ล้านดอลลาร์) คิดเป็น 44% ของ EV ของ BANPU โดยเทียบเป็น EV ของ BANPU ได้ที่ 1.6 เท่า (อิงจาก EBITDA ของ BANPU ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเชื่อว่าสะท้อนถึงราคาหุ้นธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าที่ไม่แพง ทั้งนี้ หาก BKV เข้าตลาดจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินสำหรับทำดีล M&A ในอนาคต

ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2565 สัดส่วนหนี้สินสุทธิ/ทุนของ BKV อยู่ที่ 0.5 เท่า BANPU ต้องการให้บริษัทลูกใช้เงินทุนในระดับบริษัทลูกเองสำหรับดีล M&A ในอนาคต ดังนั้น BKV น่าจะอยู่ในสถานะที่ระดมทุนได้ดีกว่า BANPU ทั้งนี้ BKV มีสินทรัพย์หลักในธุรกิจ Shale Gas  2 รายการ (รวมท่อส่งก๊าซด้วย) และถือหุ้น 50% ในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง Temple I ขนาด 768MW ในรัฐ Texas ประเทศสหรัฐ BKV มีแผนใช้เงินชำระหนี้ 75 ล้านดอลลาร์ และชำระ Contingent Payment สำหรับการซื้อกิจการ 2 ดีลที่แห่ง Barnett Shale Gas ซึ่ง BKV ตกลงที่จะจ่าย “The Earnout” ให้กับผู้ขายเพื่อแลกกับราคาที่ถูก

สำหรับดีลแรกเมื่อปี 2563 โดยมูลค่า Earnout สูงสุดจะไม่เกิน 260 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2564-67 ส่วนดีลที่ 2 ในปี 2565 กำหนดให้มีการจ่าย Contingent Payment 50 ล้านดอลลาร์ (ราคาก๊าซ Henry Hub อยู่ระหว่าง US$4.0-5.0/mcf ในปี 2566 และ US$3.75-4.75/mcf ในปี 2567) จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้ทางฝ่ายมองบวกกับแผ่นของ BANPU ที่จะนำ BKV เข้าตลาด ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำ BANPU Next ซึ่ง BANPU ถือหุ้น 100% เข้าตลาดเป็นอันดับถัดไป ทั้งนี้ พอร์ตธุรกิจของ BANPU Next มีทั้งพลังงานหมุนเวียน (ในไทย จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเวียดนาม), การจัดเก็บพลังงานและเทคโนโลยีด้านพลังงาน (การซื้อขาย, Solar Rooftop) คาดสัดส่วนหนี้สิน/ทุนจะลดลงเหลือ 0.4 เท่า ในปี 2566 จาก 0.9 เท่า ในไตรมาส 3/2565

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1