#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ระบุที่ประชุม กพช. มีมติเห็นชอบแนวนโยบายเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้างวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย.66) ช่วงวิกฤติราคาพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าครัวเรือนที่ต้องการตรึงไว้ที่ระดับเดิม 4.72 บาทต่อหน่วย รวมทั้งขอความร่วมมือจาก PTT จัดสรรรายได้จากการดําเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ 1.5 พันล้านบาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน รวม 6.0 พันลบ. มาช่วยสนับสนุนในรูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งจะกระทบต่อผลการดําเนินงาน PTT ในปี 2566 ราว 5.5% ของประมาณการกําไรทั้งปี 2566

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ 25 พ.ย.2565 ได้มีการพิจารณาแนวทางเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าช่วงวิกฤติราคาพลังงาน โดยมุ่งบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า จึงมีมติเห็นชอบแนวนโยบายเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้างวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย.66) โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าครัวเรือนที่ต้องการตรึงไว้ที่ระดับเดิม 4.72 บาทต่อหน่วย (โดยเกณฑ์การช่วยเหลือจะเหมือนในงวดปัจจุบัน คือหากใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.7 บาทต่อหน่วย ส่วนกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้า 301-500 หน่วยต่อเดือน จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้า 15-45% โดยในงวดปัจจุบันใช้งบประมาณกลางของรัฐเข้าดูแล 7.0 พันล้านบาท) 

นอกจากนี้ขอความร่วมมือจาก PTT จัดสรรรายได้จากการดําเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ 1.5 พันล้านบาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน รวม 6 พันลบ. มาช่วยสนับสนุนในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่งอาจเป็นส่วนลดราคาก๊าซฯให้กับ กฟผ. หรือส่วนลดราคาก๊าซฯสําหรับโรงแยกก๊าซฯ ในการคํานวณต้นทุนก๊าซ LPG เป็นต้น 

อีกทั้งยังมอบหมายให้ PTT และ กฟผ. บริหารจัดการผลกระทบราคาก๊าซฯต่อราคาค่าไฟฟ้าสําหรับโรงไฟฟ้าของ กฟผ., IPP และ SPP ให้อยู่ในระดับราคาเดียวกับที่ใช้ในการประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) ตั้งแต่เดือนที่กพช.มีมติเป็นต้นไป อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการช่วงสั้นในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 เท่านั้น เพราะคาดว่าช่วง ม.ค.-เม.ย. จะเป็นช่วงที่ราคาพลังงานปรับตัวขึ้นสูงสุด ตามช่วงฤดูหนาวในต่างประเทศ

ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวถือว่าส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTT จากการขอความร่วมมือในการช่วยเหลือรวม 6.0 พันล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อผลการดําเนินงาน PTT ในปี 2566 ราว 5.5% ของประมาณการกําไรทั้งปี 2566 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ โดยการขอความร่วมมือในทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวถือว่าส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTT จากการขอความร่วมมือในการช่วยเหลือรวม 6.0 พันล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อผลการดําเนินงาน PTT ในปี 2566 ราว 5.5% ของประมาณการกําไรทั้งปี 2566 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ 

โดยการขอความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นอีกครั้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากในปี 2565 (11 ก.ค. 65) ที่ขอความช่วยเหลือสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกรณีพิเศษ เป็นจํานวนเดือนละ 1.0 พันล้านบาท ระยะเวลา 3 เดือน รวม 3.0 พันล้านบาท ซึ่งถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษในงวด Q3/65 จํานวน 1.0 พันล้านบาท และที่เหลืออีก 2.0 พันล้านบาท จะบันทึกในงวด Q4/65 เช่นเดียวกันกับการสนับสนุนค่า Ft จะถูกบันทึกในงวด Q1/66 จํานวน 4.5 พันล้านบาทและ Q2/66 อีก 1.5 พันล้านบาท

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1