> เคล็ดลับลงทุน > BBL

05 ธันวาคม 2022 เวลา 11:00 น.

กลับมาปรับขึ้นในเดือนธ.ค.

#ทันหุ้น - สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ตลอดเดือนพ.ย. เข้าสู่ช่วงพักตัว หลังตลาดเผชิญแรงขายทำกำไร หลังปรับขึ้นต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ตลอดเดือนต.ค. โดยมีแรงขายทำกำไรหลังสิ้นสุดการประกาศงบ Q3/65 ซึ่งภาพรวมผลการดำเนินงาน 3Q65 ของ บจ. ใน SET ทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 2.28 แสนลบ. ลดลง 9.1%YoY และลดลง 34.7%QoQ โดยกลุ่มที่กำไรสุทธิหดตัวทั้ง YoY และ QoQ คือ พลังงาน ICT การแพทย์ วัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง สื่อ-บันเทิง เกษตร ตรงข้ามกับกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว-โรงแรม ยานยนต์ ที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ทั้งนี้ ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน SET ใน 9M65 กำไรสุทธิอยู่ที่ 8.37 แสนลบ. เทียบกับ 9M64 ที่ 8.18 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 2.7%YoY


นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีน ที่ผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการ lock down ในบางพื้นที่ สร้างความกังวลต่อผลกระทบของเศรษฐกิจโลก เป็นอีกปัจจัยกดดัน ส่งผลให้ SET ปรับลงมาใกล้บริเวณ 1600 จุด และมูลค่าการซื้อขายในตลาดลดลง เนื่องด้วยตลาดดูขาดปัจจัยใหม่ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อทิศทางราคา รวมถึงเกิดเหตุการณ์กรณีหุ้น MORE สร้าง Sentiment ลบ ต่อภาวะการเก็งกำไรในตลาด จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดในเดือนพ.ย. พักตัวทั้งในด้านทิศทางราคา และมูลค่าการซื้อขาย


มุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นในเดือนธ.ค. ผมมองว่าจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และดัชนีมีโอกาสกลับมาปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 13-14 ธ.ค. ที่คาดว่าจะชะลอการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียง 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% นอกจากนี้ต้องติดตามประมาณการอัตราดอกเบี้ย (dot plot) ว่าจะอยู่เท่าใด ซึ่งจะทำให้ทราบแนวโน้มในปีหน้าว่า Fed จะยังคงชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องหรือไม่ โดยรวมจึงน่าจะช่วยสร้าง sentiment เชิงบวกให้กับภาวะการลงทุน  2)ประเด็นบวกในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีของภาครัฐ  และ 3) คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงปลายปีจากกองทุนประหยัดภาษีและการทำ Window Dressing นอกจากนี้ คาดว่าจีน จะเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการที่เคร่งครัดสำหรับโควิด ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นพัฒนาการเชิงบวกชัดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า  ทำให้ปัจจัยบวกดังกล่าวจะส่งผลให้ SET สามารถปรับขึ้นได้อีกครั้ง โดยมองเป้าหมายเบื้องต้นไว้ที่บริเวณจุดสูงเดิม 1640-1650 จุด


ด้านกลยุทธ์ลงทุนจึงยังแนะนำเป็น “Selective Buy” โดยแนะนำหุ้น ดังนี้ 1) กลุ่มหุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ เลือก BBL GULF MAKRO CRC SPALI AOT  และ 2) กลุ่มหุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จีนมีแนวโน้มเปิดประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดหนุนท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เลือก MINT ERW / SCGP IVL


ส่วนช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้ 1) หุ้นที่คาดถูกนำออกจาก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ใน 1H66 อาทิ BLA IRPC KCE SAWAD  และ SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA  2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65  และ 3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง..แล้วพบกันใหม่ ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X