> SET > BCP

02 ธันวาคม 2022 เวลา 09:15 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways กรอบ 1,640-1,655 จุด ทางเทคนิคยังเป็นบวกหลังทะลุผ่านแนวต้านระยะสั้น 1,640 จุด อย่างไรก็ตามคาดว่าจะลดความร้อนแรงลงจากวานนี้ 


โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ที่จะประกาศคืนนี้ ส่วนเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน ต.ค. ที่ออกมาอ่อนกว่าคาดเล็กน้อยและชะลอจากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับ Comment ของ FED ที่จะเริ่มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. กลุ่มพลังงานคาดฟื้นตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบจากจีนที่ทยอยผ่อนปรนมาตรการคุม COVID-19 ส่วนการประชุม OPEC+ วันที่ 4 ธ.ค. ตลาดคาดว่าจะคงการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องจากเดือน พ.ย.


ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงมุมมองบวกเดิมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการบริโภคและลงทุนของเอกชน รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เร่งตัว เราจึงยังชอบหุ้น Domestic Play และคาดกระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง


กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจที่เร่งตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน


หุ้นเด่นเดือนธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR


หุ้นเด่นวันนี้ : BCP

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 39.17 บาท

• แนวโน้มกำไร 4Q22 คาดเร่งตัวขึ้นจากทั้ง Stock Loss ที่หายไป รวมถึงการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้นตามค่าการกลั่นที่สูงกว่าไตรมาสก่อน รวมถึงปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการ Reopening และปัจจัยฤดูกาล

• ราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรด PBV ต่ำเพียง 0.7 เท่า นอกจากธุรกิจของ BCP มีการกระจายตัวไปยังพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง และเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีจุดเด่นด้าน ESG สูงสุด

• แนวรับ 30-29.50 บาท แนวต้าน 34-35 บาท


**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ยังปรับตัวขึ้นต่อ จีนยังเป็นประเด็นหลักที่ตลาดให้ความสนใจ นักลงทุนยังเชื่อว่าจีนจะต้องมีการผ่อนคลายมาตรการ ส่งผลให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องมีการปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว


สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย มีความเคลื่อนไหว คือ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จับมือกับ มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เพื่อที่จะสนับสนุนยูเครนในด้านต่าง ๆ และจะมีการพูดคุยกับปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อหาทางออกของความขัดแย้งครั้งนี้ เรามองว่าหากสถานการณ์ดีขึ้น จะลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์  และ MINT แต่หากสถานการณ์แย่ลงก็จะพลิกกลับด้านกัน


การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ค่อย ๆ ชะลอตัว และส่งผ่านตลาดมาทาง Dollar ที่อ่อนตัวลง (ล่าสุด Dollar Index 104.7 จุด) กอปรกับเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นแตะ 34.8 บาท/ดอลลาร์ ในรอบหลายเดือน และ Flow ยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ วานนี้(1) Net buy 1.3 พันล้านบาท


หนี้เสียภายใต้ข้อมูลเครดิตบูโรปี 65 พุ่งถึง 1.1 ล้านล้านบาท เรามองว่าหากหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้น กลุ่มธนาคารอาจจะต้องมีมาตรการในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีความสมารถในการชำระหนี้ได้ต่ำลง


ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (คาดจะปรับตัวน้อยลงกว่าเดือนก่อน)


Strategy

ตลาดยังได้อานิสงค์จากการที่นักลงทุนในตลาดโลกเก็งเรื่องจีนผ่อนคลายมาตรการ  และ Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยได้น้อยลง หุ้นที่จะเป็นกลุ่มนำคือหุ้นที่ราคาลงมาลึกจากความกังวลเรื่องของจีนก่อนหน้านี้  วันนี้ ให้น้ำหนักกับกลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ (KCE, HANA) และเดินเรือ (PSL, RCL)


พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ CHG, WHA, BANPU ออก และเพิ่ม TIDLOR, KCE, CBG เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย TIDLOR(10%), KCE(10%), CBG(10%), NER(10%), CPF*(10%), BDMS(10%), III*(10%), JMT(10%),  NEX*(10%)


Strategy Stock Pick

KCE: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 54.00 บาท) “คาดราคาหุ้น Bottom out, ปี ’23 จีนเปิดประเทศหนุน”

•แนะนำทยอยซื้อสะสมประเมินราคาหุ้น KCE ผ่านจุดต่ำสุดและ Bottom out แล้ว (ปรับฐานไป -42%YTD) ขณะที่กำไร 9M22A ออกมาดีกว่าคาด ต่อเนื่องด้วยแนวโน้ม 4Q22E ที่ดี

•การผ่อนคลายมาตรการโควิดจีนและการเปิดประเทศในปี ’23 หนุน Demand และการขนส่งสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกให้เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัญหาด้าน Supply Chain Semi-Conductor เริ่มผ่อนคลาย 

•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 2.46 พัน ลบ. และ 2.69 พัน ลบ. +2%YoY, +9%YoY ตามลำดับ


Technical : FORTH, KCC


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ได้แรงหนุนจาก Fund Flow , เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว วางแนวรับดัชนีที่ 1,635 – 1,640 มีแนวต้าน 1,660 แนะนำซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,MAKRO,CRC,COM7/ ไฟแนนท์ MTC,TIDLOR,KTC / อสังหา SPALI,AMATA,ORI   


MAKRO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.50 บาท) เรามองว่าแนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 จะฟื้นตัว QoQ เนื่องจากเป็น High Season ของการจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยว และได้ประโยชน์จากรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท้ายปี ส่งผลบวกต่อ SSSG กลับมาเติบโต ทั้งในส่วนของ MAKRO และ Lotus’s ขณะที่ในปี 66 จะเห็นโมเมนตัมการเติบโตต่อเนื่องจากผลของการ Synergy ธุรกิจที่ซื้อเข้ามา ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง และแผนในการปรับโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการเพิ่ม Free Float ทำให้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในดัชนี MSCI FTSE SET50


COM7* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Blooomberg Consensus 39.00 บาท) คาดภาพการดำเนินงานเติบโตไปตามอุตสาหกกรรม IT ทั้งในส่วนของมือถือ และ สินค้า DIY( งานกราฟิก/ผู้เล่นเกมส์ worldwide สูงขึ้น) เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการ 4Q65 เป็นจุดสูงสุดของปี เข้าสู่ High Season และ มีปัจจัยบวกจาก iPhone 14 ขณะที่ทาง COM7* เอง มีการขยายหน้าร้านอย่างต่อเนื่องโดย 3Q65 ขยายสาขาเพิ่มจาก 2Q65 37 สาขา คาดว่าในช่วง 4Q65 จะเปิดเพิ่ม 51 สาขา และ ปี 66 มีแผนเปิดเพิ่ม 166 สาขา 


นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจ ร้านขายยา(ร่วมกับ BDMS) ก็จะเปิดสาขาแรก และอีก 3 สาขา ใน 4Q65 นี้ และปีหน้ามีแผนเปิดอีก 40 สาขา ทั้งนี้ consensus คาดว่าปี65 และ66 กำไรสุทธิ Com7* จะอยู่ที่ 3.16 พันลบ.(+20%YoY) และ 3.49 พันลบ.(+10%YoY) ตามลำดับ  



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1





จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X