#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,675-1,690 จุด ยังมี Upside จำกัดระยะสั้น รวมถึงมีแรงกดดันจากการปรับลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. -1.1% m-m และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม -0.7% m-m ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดและติดลบเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สะท้อนความเสี่ยงที่จะเกิด Recession มากขึ้น เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าถือพันธบัตรอย่างชัดเจน สะท้อนผ่าน Bond Yield ที่ปรับตัวลง ภาพรวมสอดคล้องกับที่เราประเมินว่าตลาดจะเริ่มเปลี่ยนโฟกัสจากเงินเฟ้อไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนี้เป็นต้นไป 

ด้านปัจจัยในประเทศตลาดยังคงรอดูผลประกอบการ 4Q22 ของกลุ่มธนาคารปลายสัปดาห์นี้ว่าจะออกมาใกล้เคียงคาดที่ -3% q-q, +20% y-y หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มกำไรฝั่ง Real Sector ที่จะเริ่มทยอย Preview และประกาศกำไรตามออกมาหนาแน่นในเดือน ก.พ. ระยะสั้นหุ้น Big Cap คาดแกว่งทรงตัวลดความร้อนแรงจากช่วงก่อนหน้า ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีแนวโน้มกำไรเด่นจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด 

กลยุทธ์ : ระยะสั้นเก็งกำไรหุ้น Laggard และงบ 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือนม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : M

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท

• ราคาหุ้นที่พักตัวลงจาก High เกือบ 10% เราเชื่อว่าสะท้อนแนวโน้มกำไร 4Q22 ที่อาจต่ำกว่าที่เคยคาดไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยกดดันเกิดจากการบันทึกโบนัสพนักงานซึ่งเรามองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราว

• แนวโน้มการฟื้นตัวปี 2023 คาดว่ายังแข็งแรงคาดกำไร +47% Y-Y กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ตามการ Reopening เต็มปี การเปิดประเทศของจีนจะเป็นบวกต่อแหลมเจริญระยะถัดไป

• แนวรับ 56-55 บาท แนวต้าน 58//60 บาท

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ปรับฐานต่อ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาในทางลบ ไทยไร้ตัวแปรใหม่ ๆ เข้ามาในวันนี้ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลาย ๆ ตัวออกมาชะลอตัวลง ทำให้ Fed อาจจะขึ้นดอกเบี้ยได้น้อยลง ขณะที่วานนนี้(18) James Bullard กรรมการ Fed ออกมาพูดถึงการขึ้นดอกเบี้ยที่ยังคงดำเนินต่อ ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อเริ่มอยู่ในทิศทางที่ดี

• ผลการประชุม BOJ ออกมาตามตลาดคาด โดยคงดอกเบี้ยไว้ที่ -0.1% และ Band ของ Bond Yield ไม่ได้ขยับขึ้น ทำให้ Dollar ปรับตัวขึ้น (ล่าสุด Dollar Index 102.3 จุด)

• ตลาดจีนกำลังเริ่มเข้าสู่วันหยุดยาวในช่วงตรุษจีน การซื้อขายอาจเริ่มเบาบางลง

 • สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ไม่ได้ดูดีขึ้น และคาดว่าอาจจะมีการร้อนระอุกลับมาอีกครั้ง หลังจากยังมีการใช้ความรุนแรงในสงคราม และรัสเซียเตรียมเพิ่มขนาดกองทัพ แต่ในด้านของราคาพลังงานยังคงทรงตัวอยู่ (น้ำมัน-ถ่านหิน-Gas)

• การเมืองของไทยเริ่มมีการกล่าวถึงไทม์ไลน์การเลือกตั้ง และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. (กรณีรัฐบาลอยู่จนครบวาระ) และช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงของการย้ายพรรคของ ส.ส

• ตัวเศรษฐกิจวันนี้คือ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

Strategy

• ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนให้กลับมาเดินหน้าต่อ จึงมีการสลับหุ้นเล่นรายวัน กลยุทธ์จึงยังเป็นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ (1-2วัน) 

• นักลงทุนต่างประเทศ แม้จะเป็น net buy แต่ยังไม่ซื้อหุ้นกลุ่มใดอย่างจริงจัง แต่หุ้นที่เริ่มกลับมาซื้ออีกครั้ง จะเป็น PTTEP และ CPALL

• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น GLOBAL, AAV ออก และนำ  IVL, JMART* เข้ามา หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย IVL(10%), JMART*(10%), PSL*(10%),  AOT(15%), AU*(15%), SPRC(15%), PTTEP(10%)

Strategy Stock Pick

IVL: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 44.50 บาท) “ประเมิน Spread ผลิตภัณฑ์เริ่มฟื้น รับเศรษฐกิจโลก Reopen”

• กรณีดีลซื้อ PTL หากเกิดขึ้นคาดจะเป็นบวกต่อกำไรของ IVL (ตามสัดส่วนการถือ 50%) ราว 5-7% ต่อให้ไม่มีดีลนี้ คาด IVL ยังคงเดินหน้าทำ M&A ต่อในขนาดกิจการที่ใกล้เคียงกัน และเราให้น้ำหนักการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นบวกต่อ Spread มากกว่า (ราคาขายเพิ่มขึ้น) แม้ราคาน้ำมัน Brent จะทรงตัวเหนือระดับ $80/บาเรล

• PET Spread ทรงตัวและอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. ลุ้นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนนับจากเดือน ก.พ. รับการเปิดประเทศของจีน

• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 4.8 หมื่น ลบ. และ 2.99 หมื่น ลบ. +84%YoY, -38%YoY ตามลำดับ

Technical : AH, CRANE

**บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET ยังมี upside จำกัด โดยกรอบบนมีแนวต้านที่ 1690 และ 1700 จุด ตามลำดับ และภาพรวมเข้าสู่การพักตัว และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้ โดยนอกจากสัญญาณเทคนิคที่อ่อนแรงแล้ว ยังคาดได้รับปัจจัยลบจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับลง จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แต่เฟดยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ด้านแนวรับอยู่ที่ 1675 และ 1670 จุด ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET เริ่มมี Upside จำกัดและให้ระวังการปรับฐาน เนื่องจากตลาดมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่กลาง ธ.ค. 65 จนทำให้หุ้นหลายตัวเข้าสู่ภาวะ Overbought และ Valuation ตึงตัว ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

หุ้นแนะนำ

BDMS 4Q65 คาดกำไรปกติที่ 2.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 9%YoY หนุนทั้งปี 65 คาดกำไรจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงกว่าก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 1.2 หมื่นลบ. และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 12% YoY ในปี 66 โดยจะเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์

BEM 4Q65 คาดเติบโต YoY จากปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง Valuation ยังมี Upside หลังราคาเป้าหมายของเราที่ 9.5 บาท ยังไม่รวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกอีก 1.5 บาท ซึ่งจะรวมในราคาเป้าหมายเมื่อ BEM เซ็นสัญญาแล้ว

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1