> อาหารสมอง >

24 มกราคม 2023 เวลา 13:37 น.

ศูนวิจัยกสิกรฯ คาดนัดแรกปี 66 กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%

#ทันหุ้น - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการประชุมกนง.นัดแรกของปีพรุ่งนี้ (25 ม.ค.66) จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธปท. ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาด 


กนง. ยังคงเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธปท. ที่ 1-3% อยู่มาก ขณะที่การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กนง. ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องได้ ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาเร่งสูงขึ้นที่ระดับ 5.89% YoY เนื่องจากราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม น้ำมัน และอาหารสด ยังทรงตัวในระดับสูง 


ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนธ.ค. อยู่ในระดับใกล้เคียงกับในเดือนก่อนหน้า ที่ระดับ 3.23% YoY สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ในด้านเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศจีนที่ทยอยกลับมาเป็นปกติจะช่วยหนุนการส่งออกไทยแม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมจะยังคงกดดันการส่งออกไทยอยู่


ในระยะข้างหน้ากนง. มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งที่ร้อยละ 0.25 ภายในไตรมาสแรกของปี 2566 นี้ และอาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ไปจนตลอดทั้งปี 2566 อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยที่ออกมา รวมถึงทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลักอย่างเฟดเป็นสำคัญ โดยหากเงินเฟ้อไทยยังคงอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด และเฟดจำเป็นต้องยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวอย่างต่อเนื่อง คงส่งผลให้กนง. เผชิญแรงกดดันมากขึ้น และอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้


เงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ปรับลดลงสู่กรอบเป้าหมายของธปท. ที่ 1-3% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจากสหรัฐฯ และยูโรโซน แม้ว่าการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและการเปิดประเทศเร็วกว่าคาดของจีนคงเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในภาพรวมทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน แต่คงไม่ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เร่งตัวเท่ากับปี 2565 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อโลกที่ลดลงช้ากว่าที่ประเมินจากปัจจัยจีนเปิดประเทศอาจจะส่งผลต่อเงินเฟ้อไทยให้ลดลงช้าตามไปด้วย


เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียมหรือฟื้นตัวแบบรูปตัว K (K-shaped recovery)โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ดี ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงกับการส่งออกมีแนวโน้มที่จะยังคงเปราะบางเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก


นอกจากนี้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันลดลงและมีทิศทางแข็งค่าโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยประกอบกับปัจจัยสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่มีแนวโน้มลดลง หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามที่ได้ส่งสัญญาณ



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X