> mai > PRI

24 มกราคม 2023 เวลา 15:25 น.

“PRI” พลิกโฉมธุรกิจบริการสร้าง “Super Living Service”

#ทันหุ้น - พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI ประเมิน 5 เมกะเทรนด์โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง การเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว-สภาพภูมิอากาศ-สังคม-มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี สร้างความเปลี่ยนแปลงธุรกิจบริการเกี่ยวเนื่องอสังหาฯประกาศทิศทางธุรกิจปี 2566 ขยายอาณาจักรหลากมิติสอดรับเมกะเทรนด์ เพิ่มเซ็กเมนต์ใหม่-คลอดธุรกิจใหม่-บุกต่างจังหวัด สร้าง “Super Living Service” บริการอสังหาฯ ครบวงจร เพื่อทั้งลูกค้า B2B และ B2C ในที่เดียว หวังเป็น Happy Maker มีบริการคุณภาพครบถ้วน พร้อมมอบความสุขให้คนทุกเจเนอเรชั่นทุกจังหวะชีวิตวางเป้ายกทัพบริษัทในเครือ หาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความครบวงจร Q2/2566 ยกทัพ 8 บริษัทย่อยในเครือบุกภูเก็ต ตั้งเป้าทั้งปีบริหารนิติบุคคลและบริหารงานขายรวมกันทะลุ 150 โครงการ พร้อมกวาดรายได้ทั้งปี 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 เกือบ 3 เท่า


นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั่วโลก มีเมกะเทรนด์ที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบริการอสังหาริมทรัพย์ใน 5 ด้านหลัก ได้แก่


1.การเปลี่ยนแปลงมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (Shifting Economic Power)การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกขยับมาเป็นทางเอเชียมากขึ้น ไทยเป็นประเทศเป้าหมายทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวของเหล่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง 2.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)ปัญหาใหญ่ของโลกนำมาสู่การใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มีความต้องการ EV Charger ตลอดจนโซลาร์เซลล์ในที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นิติบุคคลโครงการอาจต้องมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านในกลุ่มโครงการดั้งเดิม


3.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Technological Breakthrough) เทคโนโลยีเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมีบทบาทต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตมากขึ้น 4.การเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Change)ทั่วโลกก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ความต้องการการบริการสำหรับผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ 5.การเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว (Rapid Urbanization) ประชากรย้ายถิ่นฐานไปยังหัวเมืองต่างๆ มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ขยายไปตามพื้นที่ใหม่ๆ มากขึ้น

ในปี 2566 บริษัทจึงมีแผนการเติบโตภายใต้แนวคิด “Super Living Service” ขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ ได้แก่ 1.การเพิ่มบริการในเซ็กเมนต์ใหม่ เช่น การขยายบริการบางกลุ่มธุรกิจจากเซ็กเมนต์ทั่วไป สู่เซ็กเมนต์ระดับลักชัวรี 2.การเปิดตัวธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจที่จะช่วยเติมเต็มความครบวงจรของงานบริการ และธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก และ 3.การบุกตลาดต่างจังหวัด วางแผนส่งบริษัทย่อยบุกให้บริการในพื้นที่ทั้ง 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และเขาใหญ่ ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ที่ หัวหิน และ จ.ภูเก็ต และภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง


“Pain Point หลักของผู้บริโภคต่องานบริการในที่อยู่อาศัย คือเรื่องความกระจัดกระจาย ผู้บริโภคต้องใช้เวลามหาศาลในการไปเสาะหาผู้ให้บริการหลายๆ เจ้า บางบริการต้องออกไปต่อคิวรอรับบริการข้างนอก วิสัยทัศน์ของพรีโม จึงเป็นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการ Expanding, Growing แล้ว Connecting รวบรวมบริการทุกอย่างให้เป็น Super Living Service มีทุกบริการครบจบในที่เดียว พร้อมดูแลทั้งลูกค้าโครงการ ลูกค้ารายย่อย ทุกเจเนอเรชั่น ทุกจังหวะชีวิต ก้าวสู่การเป็น Happy Maker ผู้สร้างความสุขที่สร้างความสะดวกสบายในที่พักอาศัย ประหยัดเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ของผู้บริโภค” นางสาวจตุพร กล่าว


นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า การขยายอาณาจักร Super Living Service ของบริษัท จะมีทั้งการสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ผ่านการจับมือร่วมทุนกับพันธมิตร (Joint Venture) กับผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ตลอดจนการพิจารณาซื้อกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นอยู่แล้ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยกทัพบริษัทในเครือ มองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมเต็มความครบวงจรภายในปีนี้


ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทจะเริ่มนำร่องบุกต่างจังหวัดนอกพื้นที่ EEC เป็นครั้งแรก ที่จังหวัดภูเก็ต โดยทยอยส่งบริษัทย่อยในปัจจุบันทั้ง 8 บริษัท เข้าไปดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด และ2.บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัดให้บริการบริหารนิติบุคคลดูแลคุณภาพชีวิตลูกค้าทั้งระดับทั่วไปและระดับลักชัวรีเช่น โครงการวิลลาในพื้นที่ 3.บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัดให้บริการนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า และพัฒนาโครงการ 4.บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ดูแลบริการงานด้านความสะอาด 5.บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์


แมเนจเมนท์ จำกัด ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ 6.บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอจำกัด ให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์7.บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัดให้บริการตกแต่งภายในครบวงจรและ 8.บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์แมเนจเมนท์ จำกัดดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพักสร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย


“ทุกธุรกิจของเรา ทั้งธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคตั้งแต่ตอนยังโสด ตอนแต่งงาน ตอนมีครอบครัว ตอนทายาทเริ่มเติบโต เราจะเป็น Happy Maker ที่มีบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต หรือ Lifetime” นางสาวจตุพร กล่าว


หลังจากนี้ บริษัทยังมีแผนพิจารณาการขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องมุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภครายย่อยเป็นหลัก อาทิ ธุรกิจร้านสะดวกซัก (Wash & Dry) รวมถึงรักษาระดับการเติบโตในกลุ่มธุรกิจทั้ง 8 ที่ให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน โดย ณ สิ้นปี 2566 ตั้งเป้าจะมีโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายรวมกันมากกว่า 150 โครงการ ขณะเดียวกัน ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 2566 ไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ถึงราว 173.06% หรือเกือบ 3 เท่าตัว



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X