#ทันหุ้น - บล.ทรีนีตี้ ส่องหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP คงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 62 บาท มีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มค่าการกลั่นยังเพิ่มขึ้น QoQ จาก Crude Premium ที่ลดลง
ทั้งนี้ TOP รายงานกำไร Q4/65 ฟื้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 147 ล้านบาท -97% YoY และเพิ่มขึ้นจาก Q3/65 ที่มีกำไร 12 ล้านบาท โดยเป็นผลจากขาดทุน Stock -7 พันล้านบาท ซึ่งขาดทุนน้อยลงจาก Q3/65 และมี Hedging loss ราว 800 ล้านบาท และ Fx gain ราว 2.6 ล้านบาท ถ้าไม่นับรวมรายการพิเศษ Core Profit 5.4 พันล้านบาท -7% QoQ
นอกจากนี้ Crude Premium ปรับลดลงต่อเนื่อง แนวโน้มของ GRM ในปี 2566 คาดว่าจะยังยืนในระดับ USD6-7/bbl ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง โดยได้แรงหนุนจาก Tight Supply โดย สต๊อกน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
**ฝ่ายวิจัย แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 62 บาท
ด้าน บล.กสิกรไทย ประเมินหุ้น TOP คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 64.0 บาท จาก TSR ที่ 19% ปรับ ประมาณกำรปี 2566-67 ให้สอดคล้องกับ FX ใหม่ และปรับเป้า PBV เพิ่มเป็น -1.25SD
นอกจากนี้ TOP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 ที่ 147 ลบ. เป็นไปตามคาด แต่กำไรปกติ ต่ำกว่าที่ ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้35% จากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน
ทั้งนี้แนวโน้มไตรมาส 1/2566 ดีขึ้น จาก GRM ที่สูงขึ้น และกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังปี2565 ที่ 1.7 บาท/หุ้น อัตราตอบแทนที่3% ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด
**ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายสิ้น ปี66 ใหม่ ที่ 64.0 บาท
ฟากบล.ดาโอ (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่65.00 บาท (เดิม 64.00 บาท) โดยบริษัทรายงานกำไรสุทธิQ4/65 ที่ 147 ล้าน บาท (-97% YoY, +1,154% QoQ) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดที่ 264 ล้านบาท
โดยกำไรลดลง YoY หลักจากผลขาดทุนสต๊อกน้ำมัน (stock loss) ในขณะที่ฟื้นตัว QoQ ตามค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่ดีขึ้น crude premium ที่ลดลงและการฟื้นตัวของ crack spread ของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปmiddle distillates ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่า market GRM จะฟื้นตัวต่อใน Q1/66 จากระดับ crude premium ที่ต่ำอยู่และ gasoline crack ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ ครึ่งหลังของปี 65 ที่1.7 บาทต่อหุ้น โดยจะจ่ายจากกำไรสะสม โดยขึ้น XD วันที่ 23 ก.พ.2566 จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิ2566 ขึ้น 7% เป็น 1.57 หมื่นล้านบาท หลักๆจาก 1) market GRM ที่สูงขึ้นจาก gasoline crack ที่ดีขึ้นและ crude premium ที่ลดลง และ 2) stock loss ที่ลดลง ทั้งนี้ ประเมินว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ 1.61 หมื่นล้านบาท (+3% YoY) ในปี 2024E ซึ่งเป็นผลจาก stock loss ที่ลดลง ราคาหุ้น outperform SET +5% ใน 6 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับ gasoline cracks ที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดสะท้อน valuation ที่น่าสนใจที่2023E PBV 0.75x (ประมาณ -1.30SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยPBV 5 ปีย้อนหลัง)
ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของ market GRM ใน Q1/66 จาก crude premium ที่ต่ำลงและ gasoline cracks ที่สูงขึ้น อีกทั้ง มีความเป็นไปได้ ที่บริษัทจะรับรู้ stock gain ใน Q1/66หากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังคงฟื้นตัว QoQ
**สำหรับ บล.ฟิลลิป มองหุ้น TOP แม้ผลการดำเนินงาน Q4/65 จะออกมาค่อนข้างอ่อนแอ แต่ทางฝ่ายคาดว่า GRM ใน ครึ่งแรกของปี 66 จะได้แรงหนุนจาก การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นที่ค่อนข้างมากในช่วง ม.ค.- พ.ค. 66 ประกอบกับอุปสงค์ที่มากขึ้นจากการ ยกเลิกมาตรการ COVID ของจีน ทางฝ่ายยังคงแนะนำ “ซื้อ”
**ฝ่ายวิจัย คงแนะนำ“ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม