#EA #ทันหุ้น - EA เดินหน้าธุรกิจอีวีเต็มสูบ ดันสัดส่วนรายได้พุ่ง เป้ายอดขายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3 พันคัน แย้มดีลเจรจาพันธมิตรลุยตลาดมาเลเซียต่อยอด พร้อมเดินหน้าขยายโรงงานแบตเตอรีเป็น 4.5 GWh ในปี 2568 เล็งพัฒนาธุรกิจไบโอดีเซลไปสู่ Bio-Jet หวังขยายตลาดในอนาคต ส่วนธุรกิจ PCM คาดมียอดขาย 6 พันตัน รุกตลาดญี่ปุ่น เกาหลีเพิ่ม ฟากโบรกมอง ราคาหุ้นสะท้อนข่าวลบไปแล้ว คาดกำไรปีนี้แตะ 6.67 พันล้านบาท เคาะพื้นฐานใหม่ 93 บาท

 นายวสุ  กลมเกลี้ยง  ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า สำหรับปี 2566 ธุรกิจ EV  Ecosystem มีโอกาสเติบโตอย่างมาก สอดคล้องกับความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทยังเดินหน้าในการผลักดันยอดขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยคาดว่ามีจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน อย่างไรก็ดีเชื่อว่าไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

รวมถึงยังมีการขยายตลาดไปยังรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศมาเลเซียนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ โดยในระยะแรกจะเป็นการส่งรถไฟฟ้าไปจากประเทศไทยก่อน คาดว่าจะเริ่มเห็นยอดขายปีนี้ เพื่อสอดคล้องกับนโยบายทุกประเทศที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

*ลุยขยายโรงงานแบต

ขณะที่การลงทุนปีนี้อาจจะไม่ได้สูงมากนัก จะมีการลงทุนในเรื่องโรงงานแบตเตอรีเป็นหลัก โดยในส่วนของโรงงาน ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตของโรงงานงานผลิตแบตเตอรีลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงานของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ATT) เป็น 4.5 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี (GWh) ภายใน 2568 จากในปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 GWh โดยมองว่ากำลังการผลิตของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแผนจะส่งผลดีต่อบริษัทผลิตรถไฟฟ้ารายอื่นๆ ด้วย เพราะโรงงานของบริษัทมีความพร้อมและมีศักยภาพการป้อนแบตเตอรีให้แก่ผู้ผลิตค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ เชื่อต้นทุนราคาแบตเตอรีก็จะลดลงด้วย

อีกทั้งยังบริษัทมีแผนจะผลักดันธุรกิจไบโอดีเซลไปสู่ Green Oil ซึ่งสามารถพัฒนาไปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (Bio-Jet Fuels) และสารเปลี่ยนสภาพที่ควบคุมอุณหภูมิ (Bio-PCM) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทในอนาคต แต่ในส่วนของกรีนดีเซลปีนี้คาดว่าจะมียอดขายกว่า 6,000 ตัน โดยในระยะแรกมีการส่งออกไปญี่ป่นและเกาหลี เชื่อว่าจะเป็นการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทต่อไป

*อีวีแกร่งเป้าใหม่ 93 บ.

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง EA ว่า มีแผนส่งมอบ e-Bus ราว 2,000 คันในปี 2566  โดยปัจจุบันมีกำลังผลิตรถ EV ประเภทต่างๆ รวม 9,000 คันต่อปี (ได้แก่ e-Bus ทรงสูงและต่ำ, มินิบัส, รถบรรทุกไฟฟ้า ) ซึ่งสิ้นปี 2565 ประสบความสำเร็จในการผลิตเต็มที่ใน 1 shift ที่ 3,000 คันต่อปี และตั้งเป้าหมายส่งมอบ e-Bus 2,000 พันคันในปีนี้

อีกทั้งตั้งเป้าขยายกำลังผลิตแบตเตอรีเป็น 4-GWh ต่อปีในไตรมาส 1/2567 ทั้งนี้ปัจจุบันผลิตแบตเตอรีใกล้เต็มกำลังผลิตที่ 1 GWh ต่อปีแล้ว ซึ่งทั้งหมดใช้กับ e-Bus หากมองไปข้างหน้า ซึ่งความต้องการซื้อรถ EV เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บริษัทจึงมีแผนขยายกำลังการผลิตรองรับ สำหรับเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 2.0-2.5 พันล้านบาทต่อ 1 GWh ขณะเดียวกันยังรอผลการคัดเลือกผู้ชนะจัดหาไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนวันที่ 19 เมษายน 2566 หลังจากที่กกพ.เปิดให้บริษัทเอกชนที่สนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือกผู้จัดหาไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรวมทั้งหมด 5.2 พันเมกะวัตต์ ก่อนหน้านี้ ซึ่งทาง EA ก็ได้ยื่นจัดหาไฟฟ้าในรอบนี้ด้วย

โดยปรับคำแนะนำเป็นซื้อ (เดิมถือ) โดยปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566  ขึ้น 10% เป็น 6.67 พันล้านบาท สะท้อนการส่งออก e-Bus ได้มากกว่าคาดการณ์เดิม ให้ราคาพื้นฐานใหม่ 93 บาท อิง DCF (WACC 7.7%, TG 3%) ทั้งนี้ราคาหุ้นได้ร่วงลง 21%YTD ซึ่งสะท้อนข่าวลบไปพอควรแล้ว ขณะที่แนวโน้มธุรกิจไปได้ดีโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับแบตเตอรีและ EV ความเสี่ยงหลัก คือ การผลิตและการลงทุนล่าช้ากว่าที่คาดไว้

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1