นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO ผู้ประกอบธุรกิจหลักผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor) มอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป (Induction Motor) เครื่องสูบน้ำ ปั๊มหอยโข่ง มอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำ มอเตอร์สำหรับปั๊มบ้าน (Submersible Pump, Pool Spa Pump and Home Pump) เปิดเผยว่า ยอดขายมอเตอร์ AC ในประเทศไทยมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะมอเตอร์ใช้กับแอร์ เพราะไตรมาส 2 เป็นช่วงฤดูร้อน ทำให้ดีมานด์มอเตอร์ AC ที่ใช้ประกอบแอร์มีออเดอร์สูง เบื้องต้นบริษัทเห็นยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแล้วในช่วง 4 เดือนแรกปี 2566 ราว 9%
สำหรับในช่วงในเดือนเมษายน พฤษภาคม มียอดออเดอร์เข้ามาอย่างชัดเจน บริษัทคาดกำลังการผลิตที่มีอยู่ 7-8 หมื่นลูกต่อเดือน ปัจจุบันใช้อยู่ที่ 80-90% คาดจะเพียงพอต่อการผลิตที่มีเข้ามา
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ลูกค้าสหรัฐ ซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ PIMO โดยที่ผ่านมาออเดอร์ชะลอตัวเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ดีคาดออเดอร์จากลูกค้าฝั่งสหรัฐจะกลับฟื้นตัวชัดในไตรมาส 3/2566 โดยบริษัทจะเจรจาขายสินค้ากับลูกค้าเพิ่มเติม เพื่อให้ไม่สัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มนี้ลดลง
อีกทั้งหากภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น บริษัทจะพิจารณาก่อสร้างโรงงานใหม่อีก 5 พันตารางเมตร จากเดิมวางแผนจะก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม สำหรับงบลงทุนก่อสร้างโรงงาน บริษัทวางงบไว้ที่ 45-50 ล้านบาท
ส่วนมอเตอร์ BLDC บริษัทพยายามผลิตมอเตอร์แอร์เพื่อส่งสินค้าขายต่างประเทศ สำหรับภาพรวมยอดขายปีนี้ คาดจะเติบโตราว 10% ต่อจากปีก่อนที่ 1.24 พันล้านบาท หรือมียอดขายเพิ่มขึ้นแตะ 1.3 พันล้านบาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น PIMO โดยระบุว่าเบื้องต้นคาดกำไรปกติในไตรมาส 1/2566 ของ PIMO จะอยู่ที่ราว 27 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/2565 แต่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวในเดือนมกราคม 2566
ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก หลังผลประกอบการของบริษัททั้งในแง่ของยอดขายและอัตรากำไร รวมถึงการรับรู้รายได้จากมอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ EV ที่ล่าช้าออกไป เนื่องจากมอเตอร์ที่ลูกค้านำไปทดสอบไม่สามารถใช้งานบนพื้นผิวถนนของประเทศไทยได้ บริษัทจึงต้องส่งมอเตอร์อีกชนิดเพื่อส่งไปให้ลูกค้าทดสอบใหม่ ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่รวมยอดขายจากมอเตอร์ EV เข้าไปในประมาณการ
ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER (อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น) ปี 2566 เพียง 13.5 เท่า แต่ความเสี่ยงจาก Recession ที่สูงขึ้นทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลด P/E Band ลงเป็น -1 SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี คิดเป็น PER ที่ 16.6 เท่า ได้ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2566 ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Upside ราว 24.7% และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม