#ทันหุ้น - บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถอด JASIF ออกจากรายการกองเด่น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการชำระค่าเช่าล่าช้าในเดือนต่อๆ ไป นอกจากนี้ ได้เลือก AMATAR เข้ามาเป็นกองทุนเด่นกองทุนใหม่ของฝ่ายวิจัยแทน โดย AMATA Summit Growth Freehold and Leasehold Real  Estate Investment Growth Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (“AMATAR”) Trust (“AMATAR”) เป็นกอง REIT ที่เข้าไปลงทุนในโรงงานสำเร็จรูป (ready-built) ศักยภาพ 

ทั้งนี้ กองเด่นของฝ่ายวิจัยในปัจจุบัน ได้แก่ i) กองทุนแถวหน้าที่แนะนำ ซึ่งได้แก่ DIF, WHAIR  และ AMATAR และ ii) กองทุนระดับรอง ซึ่งได้แก่ ALLY, GROREIT, CPNREIT และ BTSGIF

เป็นจังหวะเหมาะสมที่จะถอด JASIF ออกจากการเป็นกองเด่นของฝ่ายวิจัย โดยเดือนเมษายน 2566 JASIF  ดูมีความเสี่ยงจากการที่ Triple T Broadband (3BB) ซึ่งเป็นบริษัทลูกไม่สามารถจ่ายค่าเช่ารายเดือนให้กองทุนได้เต็มจำนวน ส่งผลให้ 3BB จ่ายค่าเช่าให้ BBL Asset Management (บริษัทที่ทำหน้าที่บริหาร JASIF) ล่าช้าติดต่อกันเป็นเดือนที่สองแล้ว 

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงการเช่า (Lease Agreement ) ระหว่าง JASIF และ 3BB มีเงื่อนไขระบุว่า 3BB สามารถชำระค่าเช่าล่าช้าได้ 15 วันหลังครบกำหนด โดย 3BB จะต้องจ่ายค่าปรับในอัตรา 7.50% ต่อปีจนกว่าจะชำระค่าเช่ารายเดือนครบเต็มจำนวน ซึ่งในที่สุดกองทุนก็ได้รับค่าเช่าเต็มจำนวนพร้อมค่าปรับจาก 3BB 

อย่างไรก็ตาม พบว่า นักลงทุนเป็นกังวลเกี่ยวกับความสามารถของกองทุนในการจ่ายปันผลในระยะยาว นอกจากนี้ ยังคิดว่า ในขั้นต้อนต่อไป 3BB น่าจะเปลี่ยนผู้ถือหุ้น (จาก Jasmine International (JAS.BK/JAS TB) เป็น Advanced Info Service (ADVANC.BK/ADVANC TB)

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคิดว่าผู้ถือหน่วยของ JASIF จะยังคงได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง (โดยปกติไตรมาสละ 0.23 บาท/หน่วยในปัจจุบัน และ >8% ต่อปี) ในปี 2566 ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น คาดว่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลรายไตรมาสลดลงในอนาคต

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงถอด JASIF  ออกจากรายการกองเด่น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการชำระค่าเช่าล่าช้าในเดือนต่อๆ ไป

**แนะนำกองทุนใหม่ที่เลือกมาเป็นกองเด่นแทน 

เลือก AMATAR  เข้ามาเป็นกองเด่นกองใหม่ของฝ่ายวิจัย โดย AMATA Summit Growth Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (“AMATAR”) เป็นกอง REIT ที่เข้าไปลงทุนในโรงงานสำเร็จรูป (ready-built) ที่มีศักยภาพ โดยโรงงานที่เข้าไปลงทุนจะตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ซึ่งเป็นนิคมชั้นนำของประเทศไทยที่มีสาธารณูปโภคครบครัน อย่างเช่น ไฟฟ้า น้ำ โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล และศูนย์การค้า

นอกจากนี้ โรงงานดังกล่าวยังอยู่ในทำเลดี อย่างเช่น EEC  และอยู่ในใจกลางการขนส่ง โดยติดถนนใหญ่หลายเส้น ทั้ง ทางด่วนบางนา-ตราด มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี ดังนั้น จึงสะดวกมากที่จะเดินทางไปท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุ สนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงสนามบินอู่ตะเภา

AMATAR  เน้นลงทุนในโรงงานที่คุณภาพสูง และมีศักยภาพเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับผู้ถือหน่วย นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยยังคิดว่า AMATAR จะได้อานิสงส์จากการที่ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเต็มที่ รวมถึงศักยภาพการเติบโตภายหลังการพัฒนา EEC ในระยะยาว ทั้งนี้ เมื่ออิงจากสถิติในอดีต อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วงปี 2563 -2565 อยู่ในระดับน่าพอใจที่ 5.0%, 5.4%  และ 7.6% ตามลำดับ นอกจากนี้ P/NAV ในปัจจุบันยังต่ำเพียง 0.6x ฝ่ายวิจัยคิดว่า AMATAR เป็นหนึ่งในกองทุนที่ดีน่าเข้าลงทุนในขณะนี้

กองเด่นของฝ่ายวิจัยในปัจจุบันได้แก่ i) กองทุนแถวหน้าแนะนำ ได้แก่ DIF, WHAIR DIF,  และ AMATAR  และ  ii) กองทุนระดับรอง ได้แก่ ALLY, GROREIT, CPNREIT และ BTSGIF 

ด้านปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1