ลงทุนอย่างไร "BANPU" ไปต่อ หรือ พอก่อน?

#ทันหุ้น - บล.ดาโอ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 14.50 บาท อิงวิธี SOTP ประเมินว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิ Q1/66 ที่ 5.9 พันล้านบาท ลดลง 42% YoY แต่ฟื้นตัวจากขาดทุน 278 ล้านบาทใน Q4/65 โดยกำไรที่ลดลง YoY หลักๆ เป็นผลจากราคาก๊าซธรรมชาติ US ที่ปรับตัวลงมา ในขณะที่ฟื้นตัว QoO เป็นผลจากการไม่มีรายการตั้งสำรองเผื่อด้อยค่าของสินทรัพย์ (loss on impairment of assets) ของเหมืองในมองโกเลีย โดยหากไม่รวมรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ประเมินกำไรปกติที่ 5.0 พันล้านบาท (-43% YoY, -77% QoQ) ปรับตัวลงสอดคล้องกับราคาก๊าซฯ และถ่านหินที่เริ่มปรับสู่ระดับปกติ

ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงอยู่ใน Q2/66 จากอุปทานก๊าซฯ และถ่านหินที่ล้นตลาด เนื่องจากอุปสงค์การใช้พลังงานความร้อนที่ต่ำกว่าคาดในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาของประเทศ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566/67 ที่ 2.29/2.50 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 4.05 หมื่นล้านบาทในปี 2565

โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ 1) ราคาถ่านหินอ้างอิง Newcastle Export Index (NEX) จะปรับตัวลงสู่ระดับ USD275/ton และ USD150/ton ในปี 2566-67 จาก USD357/ton ในปี 2565 2) ราคาก๊าซฯอ้างอิงแหล่ง Henry Hub จะลดลงอยู่ในช่วง USD3.5-USD3.8/mcfe เทียบกับ USD6.5/mcfe ในปี 2565 และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (equity income) จะลดลงเหลือ 8.6-9.1 พันล้านบาท จาก 1.20 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 ตามกำไรที่ลดลงของธุรกิจถ่านหินในจีน

ราคาหุ้น underperform SET -21% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวโน้มราคาถ่านหินและก๊าซฯ ที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วจากอุปสงค์ในฤดูหนาวที่น้อยกว่าคาด ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดสะท้อน 2566 PBV ที่น่าดึงดูดเพียง 0.65x (ประมาณ -1.00SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) และสะท้อนอัตราตอบแทนเงินปันผล 2566 ที่น่าสนใจที่ 7.4% หากกำไรปกติ Q1/66 เป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาด จะคิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิจัย จากแนวโน้มราคาถ่านหินและก๊าซฯ ที่อ่อนตัวเร็วกว่าที่คาด และเชื่อว่าอาจจะมี downside ต่อประมาณการกำไรปี 2566 ของฝ่ายวิจัย