#STECH #ทันหุ้น - STECH โดดรับกำลังผลิตใหม่ หนุนโค้งแรกสดใสต่อเนื่อง บอสใหญ่ "วัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ" ปักธงปี 2566 รายได้นิวไฮ  2.25 พันล้านบาท โครงการเรียงคิวบุ๊กเพียบ แถมยื่นซองงานใหม่ 1 พันล้านบาท อัพ Backlog เพิ่ม จากเดิม1.2 พันล้านบาท กินยาวปี2567

นายวัฒน์ชัย  มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า เบื้องต้นบริษัทคาดทิศทางของธุรกิจในไตรมาส1/2566 น่าจะเติบโตต่อเนื่อง ผลมาจากบริษัทมีการรับรู้กำลังผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ประกอบกับธุรกิจยังมีแนวทางทำตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ให้กว้างขึ้น

ปีนี้รายได้นิวไฮ

อย่างไรก็ดี ในปี 2566 ทาง STECH ตั้งเป้ารายได้ไว้ระดับ2.25 พันล้านบาท (ถือเป็นจุดสูงสุดใหม่ของธุรกิจ) เติบโตราว 6% เมื่อเทียบกับปี2565 เพราะธุรกิจมีงานในมือ(Backlog) ที่รอส่งมอบเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีโอกาสได้รับโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือปีนี้ หลังภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ฟื้นตัว ตลอดจนสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลล่าสุดของบริษัท พบว่า มีตัวเลขงานในมือ(Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่รับรู้รายได้ในปีนี้ และที่เหลือทยอยส่งมอบอย่างต่อเนื่องในปี2567

ขณะเดียวกันทาง STECH อยู่ระหว่างรอผลงานที่ได้ยื่นซองประกวดราคาไปแล้วช่วงที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยธุรกิจหวังได้รับงานในกลุ่มเสาเข็มที่เป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ คิดเป็นมูลค่าราว 500 ล้านบาท เพื่อเสริมรายรับให้ดียิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ ทาง STECH ยังมีแผนเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 ได้ เซ็นสัญญารับงานก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าแรงสูงหนองหาน(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย) จังหวัดอุดรธานี– สถานีไฟฟ้าสว่างดินแดน จังหวัดสกลนคร ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและ จำหน่ายระยะที่2 แผนงานที่ 1 กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. มูลค่ารวม 86.2 ล้านบาท ระยะเวลา ดำเนินงาน360 วัน หวังสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอีกทางหนึ่ง

โรงงานใหม่หนุน

นายวัฒน์ชัย กล่าวเสริมว่า ในแง่โครงการมาจัดตั้งโรงงานผลิตลวด ซึ่งใช้งบลงทุนรวมประมาณ500 ล้านบาท ปัจจุบันได้ตรวจรับเครื่องจักรที่ประเทศอิตาลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะเริ่มทคสอบการผลิตได้ในไตรมาส3/2566 และน่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทตั้งแต่ไตรมาส4/2566 เป็นต้นไป

สำหรับโรงงานดังกล่าวนั้นทาง STECH จะมีการนำกำลังผลิตลวดเหล็กที่ผลิตได้ราว30% หรือประมาณ 1,000 ต้นต่อเดือน เพื่อมาทดแทนการสั่งซื้อจากผู้ค้ารายอื่น และส่วนอีก 70% จะนำออกจำหน่ายประมาณไตรมาส4/2566 หรือไตรมาส 1/2567 รวมถึงการส่งออกด้วย และในอนาคตจะเป็นธุรกิจ “ดาวสตาร์” ใหม่ของบริษัทด้วย ซึ่งตั้งจะถึงจุดคุ้มทุนของโรงงานนี้ไว้ไม่เกิน 5 ปีหลังเดินเครื่องผลิต

ขณะที่จุดเด่นของโรงงานผลิตลวด STECH คือ มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตรูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องใช้บ่อน้ำกรดซึ่งเป็นกรดไฮโดรคลอริค เข้มข้มในการกัดลวดโลหะให้สะอาดเหมือนในอดีต จึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ปัจจุบัน STECH ยังพร้อมจัดจำหน่ายเสาเข็มขนาดเล็ก (Micropile) ให้กับลูกค้าใน รูปแบบ B2C ซึ่งเป็นการจำหน่ายให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือเจ้าของบ้านที่ต้องการซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน ไม่ให้ทรุดตัว เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับ STECH ในอนาคต

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1