> SET > SIRI

22 พฤษภาคม 2023 เวลา 10:20 น.

SIRI น่าสน Q2 ลุยเปิดโครงการ 1.6 หมื่นล.

#SIRI #ทันหุ้น –ราคาหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ลดลง 8.4% จากก่อนเลือกตั้ง ราคาหุ้นลงมาปิดที่ 1.74 บาท บล.กสิกรไทย คาดไตรมาส 2/66 เปิดเพิ่ม 11 โครงการ 1.6 หมื่นล้านบาท  แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 2.10 บาท บล.ทรีนิตี้มองกลุ่มลูกค้าระดับบนมี Sensitivity ต่อการปรับราคาต่ำ คาดว่า Demand ยังคงแข็งแกร่ง ให้ราคาหุ้นเหมาะสม 2.00 บาท บล.เอเซียพลัสชี้ราคาหุ้นลงแรง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง มองครึ่งปีหลังผลงานเติบโตเด่นชัด ให้เป้า 2.32 บาท


ราคาหุ้น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ปิดที่ 1.74 บาท ลดลงจากวันที่ 12 พ.ค. (ก่อนเลือกตั้ง)ปิดที่ 1.90 บาท ราคาหุ้นลดลงมา 8.4% ในรอบ 52 สัปดาห์ย้อนหลังราคาหุ้นอยู่ในช่วง 0.97-2.00 บาท


บล.กสิกรไทย ระบุว่า ยอดขายและกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 คงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเหมาะสม 2.10 บาท การปรับฐานของราคาหุ้นล่าสุดทำให้ซื้อขายที่ระดับใกล้เคียง -2SDV และคาดให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึง 9.6%

จากการเปิดโครงการใหม่ที่สูงขึ้นมากในทำเลและกลุ่มการตลาดที่มีอุปสงค์สูงยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ของ SIRI ในไตรมาส 2/66 จะเต็บโต YoY และ QoQ

กำไรพิเศษจำนวนมากอาจรับรู้ในไตรมาส 2/66 ในกรณีที่สามารถจัดตั้ง JV สำหรับโครงการแนวราบใหม่ได้ ซึ่งจะทำให้เกิด upside risk ต่อประมาณการปัจจุบัน


แนวโน้มธุรกิจเชิงบวกในไตรมาส 2/66 เราคาดว่า SIRI จะมีแนวโน้มการดำเนินงานในระดับที่ดีในไตรมาส 2/66 ตัวขับเคลื่อนหลักจะเป็นโครงการใหม่ที่ SIRI มีแผนจะเปิดตัวในไตรมาสนี้ ไม่เพียงแต่มูลค่าของโครงการใหม่รวม 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 81% YoY และ558% QoQ และจะเท่ากับ 37% ของโครงการที่เปิดตัวในปี 2565 แต่โครงการใหม่จำนวนมากอยู่ในทำเลและกลุ่มการตลาดที่มีอุปสงค์สูง เช่น นาราสิริ พหลฯ-วัชรพล (มูลค่า 5.6 พันล้านบาท ; 125 ยูนิต) และ เศรษฐสิริ ดอนเมือง (มูลค่า 4.3 พันล้านบาท ; 263 ยูนิต) เมื่อรวมปัจจัยนี้เข้ากับอุปสงค์จากต่างประเทศที่ค่อย ๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะจากผู้ซื้อชาวจีน และการโอนกรรมสิทธิ์ backlog ส่วนใหญ่ตามแผนในไตรมาส 2/66 เรามองว่ายอดขายและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ของ SIRI ในไตรมาส 2/66 จะสามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ


สัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นนำมาซึ่งระดับกำไรที่มั่นคงในระดับสูง เรามองว่า SIRI จะสามารถควบคุมอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ได้ในระดับสูงเหมือนที่เราเห็นที่ระดับ 35%ในไตรมาส 1/66 ประการแรก สัดส่วนรายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ที่มีอัตรากำไรสูงจะยังคงสูงตลอดในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจาก นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และ บูก้าน กรุงเทพกรีฑา จะเป็นรายได้หลักในครึ่งหลังของปี 2566 นอกจากนี้ โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 2-4/2566 หลายโครงการอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ เช่น นาราสิริ พหลฯ-วัชรพล และเศรษฐสิริ ดอนเมือง ที่จะเปิดตัวในเดือน พ.ค.-มิ.ย. ประการที่สอง SIRI ได้ควบคุมต้นทุนการพัฒนาอย่างมาก เช่น การใช้เทคโนโลยีพรีคาสท์กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์แนวราบระดับไฮเอนด์ ยิ่งไปกว่านั้น การทำการตลาดร่วมกันในหลายผลิตภัณฑ์ได้ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มผลประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด


ต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น - บวกในระยะสั้น ลบในระยะยาว? ปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในระดับสูงของรัฐบาลชุดใหม่ (ประเด็นนี้ทุกพรรคการเมืองประกาศเป็นประเด็นหลักในการรณรงค์ก่อนการเลือกตั้ง) จะมีขึ้นในอนาคตอันใกลนี้ ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อต้นทุนการพัฒนาของผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยทุกราย รวมถึง SIRI ด้วย แม้ว่าเราเชื่อว่ารัฐบาลจำเป็นต้องมีการชดเชยสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นเดียวกับที่เราเห็นในปี 2555 (การลดภาษีนิติบุคคลจะใช้เพื่อชดเชยการปรับขึ้นค่าแรง) โดยสมมติว่าปัจจัยอื่น ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตามข้อมูลของ SIRI ต้นทุนการพัฒนา (COGS) จะเพิ่มขึ้น 10% และต้องปรับราคาขายขึ้น 7-8% เพื่อรักษา GPM 


ในกรณีนี้ เราเห็นผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่ออัตรากำไร เนื่องจากการเพิ่มราคาขายในระดับนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงคาดเห็นการปรับเปลี่ยนวัสดุลดขนาดบ้าน และใช้ประโยชน์มากขึ้นจากโรงงานพรีคาสท์ จะมีบทบาทสำคัญในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นนี้ อย่างไรก็ตาม เราอาจเห็นผลกระทบเชิงบวกในระยะสั้นต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับกลางถึงระดับบนในประเด็นนี้ เนื่องจากอาจมีผู้ซื้อบางรายที่มีเลื่อนการซื้อเข้ามาเป็นปี 2566 ก่อนที่ราคาขายจะสูงขึ้น แต่สิ่งนี้จะส่งผลเสียต่ออุปสงค์ในระยะยาว

บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ "ซื้อ"และราคาเป้าหมาย 2.10 บาท สำหรับ SIRI แม้ว่านโยบายที่อาจเกิดขึ้นของรัฐบาลชุดใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น การขึ้นค่าแรงและการคาดหวังว่ารายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะสูงขึ้น จะสร้างความกังวลในระยะสั้นต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้กับนักพัฒนาทุกราย แต่เราเห็นว่า SIRI และผู้พัฒนารายอื่น ๆ จะสามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยปรับการพัฒนาและ/หรือส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้ซื้อ


นอกจากนี้ รัฐบาลอาจชดเชยผลประโยชน์บางส่วนให้กับผู้พัฒนาเพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นนี้ หากไม่รวมความไม่แน่นอนนี้ เราเห็นแนวโน้มการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ SIRI ในไตรมาส 2/66 รวมถึงในครึ่งหลังของปี 2566 จากโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับจากรัฐบาลชุดใหม่เพื่อกระตุ้น GDP จะช่วยสนับสนุนแนวโน้มกำไรของ SIRI ในเชิงบวก  กำไรจากส่วนเกินมูลค่าหุ้นหากสามารถจัดตั้งบริษัทฯ ร่วมทุน (JV) ใหม่ในไตรมาส2/66 ได้ จะเพิ่มความเสี่ยงขาขึ้นให้กับประมาณการปี 2566 ของเรา


บล.ทรีนิตี้ คาดว่ายอด Presales และกำไรในไตรมาส 2/66 จะสามารถเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากการโอนโครงการแนวราบระดับบนที่กรุงเทพกรีฑาต่อเนื่อง และจากการเปิดขายและโอนโครงการแนวราบใหม่ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เป็นคอนโด เพียง 2 โครงการ ในขณะที่การปรับตัวสูงขึ้นของต้นทุนการก่อสร้าง เราคาดว่า SIRI จะสามารถรักษา Margin ได้จากการปรับ ASP โดยกลุ่มลูกค้าระดับบนมี Sensitivity ต่อการปรับราคาต่ำ จึงคาดว่า Demand ยังคงแข็งแกร่ง  โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ”ที่ราคาเป้าหมาย 2.00 บาท

บล.เอเซียพลัส คงประมาณการโดยกำไรปกติไตรมาส 1/66 คิดเป็นสัดส่วน 24% ของเป้ากำไรปกติทั้งปี ขณะที่ไตรมาส 2/66 เบื้องต้นประเมินกำไรใกล้เคียงงวดก่อน (คาดเพิ่มขึ้น YoY) ก่อนจะสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยพีคสุดของปีในไตรมาส 4/66 มีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งมอบของ Backlog กลุ่มแนวราบต่อเนื่อง และส่วนใหญ่จากโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า 50% คาดโอนฯ ต่อเนื่องทุกไตรมาส แต่เน้นหลักในไตรมาส 4/66 ตามกำหนดการสร้างเสร็จ นอกจากนี้ การเปิดโครงการใหม่แนวราบใหม่เชิงรุกมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2-4/66  อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท/ไตรมาส ถือเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อยอดโอนฯ ช่วงครึ่งหลังของปี 66


ราคาหุ้นลงแรง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง ราคาหุ้นปรับลงแรง มาจากเหตุปัจจัยที่ไม่ได้เกี่ยวกับปัจจัยฟื้นฐานธุรกิจแต่อย่างใด จนทำให้ราคามี PER ซื้อขายไม่แพงอยู่ที่ 6 เท่า และ Div Yield สูงกว่า 8% ต่อปี ขณะที่แผนเปิดโครงการใหม่เชิงรุก โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับบนที่เป็นจุดแข็งและได้รับการตอบรับที่ดีหลายโครงการจะช่วยผลักดัน กำไรปกติปีนี้เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 4.46 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% yoy จึงแนะนำ Outperform สำหรับ SIRI ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 2.32 บาท (อิง PER 8 เท่า)


บล.กรุงศรีพัฒนสิน แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 2.20 บาท มีมุมมองเป็นบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์ คาดไตรมาส 2/66 ทั้ง presale, ยอดโอน และกำไรสุทธิ น่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง y-y, q-q สะท้อน outlook ที่ยังดี


จุดเด่นในไตรมาส 2/66 คือแผนเปิดโครงการใหม่สูง 1.61 หมื่นล้านบาท และส่วนใหญ่เป็น low-rise กลุ่มบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ SIRI ถนัด รวมถึงคาดบันทึก extra gain กำไรพิเศษจากการขายที่ดินเข้าโครงการ JV


ประเด็นการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในอนาคตยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม แต่โอกาสปรับราคาขายเพื่อลดผลกระทบ ยังเป็นสิ่งที่ทำได้ในตลาดกลาง-บน


ประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 4.65 พันล้านบาท(+9% y-y) ซึ่งทำ new high ต่อเนื่องจากปีก่อน ยังมีโอกาส upside ได้อีก 20% จาก extra gain ที่มากกว่าคาด จุดเด่น คือ การให้น้ำหนักเปิดโครงการใหม่ตลาดบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชำนาญและผลตอบยังดี ช่วยชดเชยความกังวลต้นทุนการดำเนินงานและต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่สูงกว่ากลุ่มฯ


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X