#BAM #ทันหุ้น - BAM เริ่มเจรจาตั้ง JV บริหารหนี้ร่วมกับธนาคารพาณิชย์รายใหม่ มีแนวโน้มดีเงื่อนไขลดลง ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/2566 (QoQ) มั่นใจทั้งปีผลเรียกเก็บตามเป้า 1.7 หมื่นล้านบาท
นายรฐนนท์ ฟูเกียรติ ผู้จัดการกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์และบริการผู้ถือหุ้น บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM คาดการณ์ผลเรียกเก็บงวดไตรมาส 2/2566 ว่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/2566 (QoQ) หนุนจากผลการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ภายในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ (Money Expo) ระหว่างวันที่ 11 - 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงความสำเร็จจากการจำหน่ายทรัพย์ NPA ผ่านระบบออนไลน์ (Backlog) แล้วกว่า 4.4 พันล้านบาท
คงเป้ารายได้1.78 หมื่นล.
พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดเร่งติดตามสืบหาทรัพย์ ควบคู่กับการเร่งรัดกระบวนการยึดทรัพย์ของกรมบังคับคดี เพื่อนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ นำไปสู่จัดเก็บสดจากหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ทั้งนี้ยังคงตั้งเป้าผลเรียกเก็บทั้งปี 2566 ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท หนุนจากผลสำเร็จของการปรับกลยุทธ์การจำหน่ายทรัพย์ NPA เป็นหลัก
“กระบวนการจัดเก็บเงินสดจากทรัพย์NPLบางส่วนนั้นไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ แต่ในเบื้องต้นนับจากวันที่ได้ทรัพย์ NPL เข้ามาจะใช้ระยะเวลาราว 1 ปีครึ่งจึงจะสามารถเริ่มจัดเก็บเงินสดจากลูกหนี้ได้ ขณะที่ผลสำเร็จจากการปรับกลยุทธ์การจำหน่ายทรัพย์ NPA นั้นชัดเจน ปีนี้จึงเป็นอีกปีที่คาดว่ารายได้จากNPAมีแนวโน้มจะดีกว่าที่ตั้งเป้าไว้ จนสามารถครอบคลุมความเสี่ยงของผลเรียกเก็บNPL ได้”
เริ่มจัดกลุ่มคลีนโลน
ทั้งนี้ บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (Clean Loan)โดยจะทยอยบริหารจัดการ ก้อนแรกที่จะเริ่มจัดเก็บ มีมูลค่าทรัพย์ทั้งสิ้นราว 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทมีต้นทุนที่ราว 600-700 ล้านบาท และต้นทุนอัตราภาษีที่ราว 600 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการใน 3 แนวทาง คือ
“ที่แจงให้เห็นต้นทุนของ Clean Loanกับผลประโยชน์ทางภาษี เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าหากบริษัทสามารถติดตามหนี้ส่วนนี้เข้ามาได้จะเป็นกำไรเกือบทั้งหมด ขณะเดียวกันภาระทางภาษีจ่ายก็จะลดลงด้วย แต่การที่จะสร้างสภาพบังคับต้องแบ่งออกมาค่อยๆ ดำเนินการตามความเหมาะสมของหนี้แต่ละส่วน”
ปีแห่งการลงทุน
ด้านการซื้อทรัพย์จากสถาบันการเงินเข้ามาเพื่อบริหารนั้น บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนระหว่าง 9,000 – 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันดีลซื้อทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสถาบันการเงินสามารถเจรจาข้อตกลงที่ดีขึ้นเป็นไปตามที่ต้องการ เนื่องจาก สถาบันการเงินนำทรัพย์ NPL ออกมาจำหน่ายมากขึ้นหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ส่งผลให้ราคาทรัพย์กลับสู่ระดับที่เหมาะสม สถิติการยกเลิกดีลของสถาบันการเงินก็ลดลง
“ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทกลับมาซื้อทรัพย์ โดยเฉพาะทรัพย์ขนาดใหญ่เข้ามาบริหารเพิ่ม ประกอบกับต้นทุนการเข้าซื้อทรัพย์NPLกลับเข้าสู่สภาวะปกติ สะท้อนจาก ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทใช้งบประมาณซื้อทรัพย์ไปแล้วราว 2.6 พันล้านบาท โดยทรัพย์ที่ได้มามีมูลค่าถึง 9.3 พันล้านบาท”
เริ่มเจรจาตั้งJV
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เริ่มเจรจากับธนาคารพาณิชย์ เพื่อจัดตั้งกิจการร่วมค้า (JV) บริการจัดการหนี้ โดยนำข้อจำกัดจากการดำเนินการครั้งที่ผ่านมา มาปรับปรุงเงื่อนไขในการเจรจาครั้งนี้ เบื้องต้นจึงค่อนข้างมีความคืบหน้าที่ดี ทั้งนี้หากมีความชัดเจนบริษัทจะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามขั้นตอน
“บริษัทได้นำข้อจำกัดจากการเจรจากับธนาคารพาณิชย์แห่งแรกมาปรับปรุง และเริ่มเจรจาด้วยข้อจำกัดเหล่านั้น ซึ่งกับธนาคารพาณิชย์แห่งนี้ก็สามารถเจรจาผ่านข้อจำกัดดังกล่าวไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ยังมีกระบวนการเจรจายังมีอีกหลายขั้นตอน”
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม