#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,525-1,540 จุด กลุ่มพลังงานคาดว่าหนุนตลาดได้ตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว 1.2% วานนี้ ส่วนปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อทิศทางของดัชนีคาดว่ายังอยู่ที่พัฒนาการจัดตั้งรัฐบาลของไทยว่าจะสำเร็จหรือไม่ โดยหากมีสัญญาณว่าทยอยได้เสียงสว.เพิ่มเติมและมีแนวโน้มครบ 376 เสียงสำหรับการโหวตเลือกนายกฯ เราคาดว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวก

ส่วนทิศทางหลังจากนั้นขึ้นอยู่นโยบายเศรษฐกิจที่ออกมา ด้านปัจจัยต่างประเทศตลาดยังรอดูการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป ประกอบกับความเห็นของกรรมการ FED บางท่านทีเปิดโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อใน 2H23 ทำให้ Bond Yield ปรับขึ้น ค่าเงินดอลลาร์แข็ง กดดันให้บาทอ่อนในระยะสั้น ระยะสั้นหุ้นในกลุ่มส่งออกอาจเห็นแรงซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตามความเสี่ยงใน 2H23 คือเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯที่คาดว่าจะชะลอตัวหรือมีโอกาสติดลบ ทำให้เรายังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Consumption/Tourism Play มากกว่า Global Play

กลยุทธ์ : ยังคงเน้นหุ้น Domestic และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA

หุ้นเด่นวันนี้ : BBL

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 185.77บาท

• ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในยังเห็นทิศทางการเติบโตแข็งแกร่ง y-y จาก NIM ที่ปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์ของดอกเบี้ยขาขึ้นและพอร์ตส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว ขณะที่คุณภาพหนี้คาดยังแข็งแรงจากฐานลูกค้าส่วนมากที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่

• Consensus คาดกำไรปี 2023 ที่ 3.4 หมื่นลบ. +16% y-y ราคาหุ้นยังเทรด Valuation ถูกที่ PBV เพียง 0.57 เท่า เทียบกับก่อนโควิดที่ใกล้ 1 เท่า

• แนวรับ 158-156 บาท แนวต้าน 165-166.50 บาท

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบแคบ ความกังวลการเจรจาเพดานหนี้น้อยลง และการเมืองไทยยังคลุมเครือ ส่วนต่างประเทศ การเจรจาเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังไม่ได้จบลง แต่คาดว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ที่ยังคาดว่าจะมากกว่า 1 ครั้งในการประชุมครั้งถัด ๆ ไป เป็นตัวเร่งให้ Dollar แข็งค่าขึ้น (ล่าสุด Dollar Index 103 จุด) และฉุดเงินบาทให้อ่อนค่าลง เรามองว่าหุ้นส่งออกอาจจะได้ประโยชน์

• ราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัว (ล่าสุด Brent $77.7 เหรียญ) จาก Demand จีนที่เริ่มกลับมา และเศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตามติดตามการประชุม OPEC ในสัปดาห์หน้า(3 มิ.ย) ว่าจะมีนโยบายอย่างไร

• นักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นไทยต่อ วานนี้(23) Net Sell 3.8 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากสูญญากาศทางการเมืองที่ยังคลุมเครือ และไทม์ไลน์ของการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะล่าช้าออกไป

• Event สำคัญวันนี้ คือ รายงานการประชุม FOMC ซึ่งอาจจะมีการคาดการณ์ดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

Strategy

• การที่ดัชนีฯ สามารถยืนเหนือ 1500 จุดได้ ทำให้บรรยากาศช่วงสั้นๆ ยังคงดี มีการหมุนวนกลุ่มเล่นกันทุกวัน  ยังแนะนำให้เน้นเล่นสั้นๆ ไปก่อน

• หุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ วันนี้ ตัวที่น่าสนใจ BCH, SHR, JMART, NEX, SAWAD, BTS

• หุ้นที่ราคาทำ high จะกลายเป็นหุ้นธนาคารบางตัว อาทิ KTB, TTB แต่การลงทุนควรมีจุด trailing stop ประกบไปด้วย

• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น BCH, NEX, TOP เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย BCH(15%), NEX(15%), IVL(20%), TOP(10%), SPALI(10%), SICT*(10%)

Strategy Stock Pick

NEX: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 14.50 บาท) “เร่งส่งมอบรถบัส EV ต่อในช่วงที่เหลือของปี, EV Truck หนุน”

•แนวโน้มรายได้ 2Q23E-3Q23E จะโต QoQการส่งมอบในช่วงนี้จะมีแรงหนุนจากทั้ง EV Truck และ EV BUS ส่วนรายได้ทั้งปี 2023 ประเมินที่ 1.55 หมื่น ลบ. +136%YoY

•แนะนำทยอยซื้อสะสม หรือจะ Trading Buy ก็ได้ ประเมินราคาหุ้น NEX ฟื้นตัวต่อเนื่องจากสุดต่ำสุดในช่วงต้นเดือน พ.ค. ส่วน YTD ยังลบกว่า -27%

•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 834 ลบ. และ 1,100 ลบ. +231%YoY และ +32%YoY ตามลำดับ

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,520-1,550 จุด ปัจจัยต่างประเทศกดดันเรื่องขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังไม่มีความแน่นอน ส่วนในประเทศติดตามความคือนหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลและโหวตนายกรัฐมนตรี แนะนำทยอยซื้อ กลุ่มธนาคาร BBL, KBANK (ยัง Laggard เทียบกับ KTB, TTB) รับคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท.31 พ.ค.66 กลุ่มการบริโภค ICHI, SAPPE, HTC, TKN กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ MTC, SAWAD, TIDLOR, NCAP (ใกล้สินสุดวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น) สินเชื่อกลุ่มรากหญ้า AEONTS และเก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่น TOP, SPRC, BCP รับค่าการกลั่นเริ่มฟื้นก่อนเข้า Driving Season ของ US

NCAP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.10 บาท) รับ Sentiment บวกแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้ถึงจุดสูงสุด และรับอานิสงส์นโยบายรัฐบาลใหม่ที่เน้นระดับรากหญ้า บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 142 ล้านบาท +118%YoY และพลิกจากขาดทุนใน 4Q65 มีปัจจัยหนุนจากการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสัญญาเช่าซื้อและค่าธรรมเนียมเติบโตตามจำนวนสัญญาและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สำหรับในปี 66 ผู้บริหารวางเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ +20% มาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถบรรทุกมือสอง มองว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยของ สคบ. (23%) ทำให้การแข่งขันจากผู้เล่นรายเล็กลดลง 

ส่วน NPL คาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากรวมธุรกิจรถบรรทุกมือสองที่เริ่มทำตั้งแต่กลางปีก่อน โดยปีนี้ตั้งเป้าพอร์ทสินเชื่อรถบรรทุกมือสองราว 1 พันล้านบาท (ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยราว 16%) แม้ Yield ต่ำกว่าจักรยานยนต์แต่กำไรจะสูงกว่า นอกจากนี้จะเริ่มธุรกิจจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์และรถบรรทุกในช่วง 2Q66 ต่อยอดจากฐานลูกค้าเดิมตั้งเป้าพอร์ต 300-400 ล้านบาทในปีนี้

BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.10 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q66 อยู่ที่ 749 ลบ +24% QoQ, +123% YoY เห็นการฟื้นตัวของทางด่วนและรถไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องตาม Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นหลัง Covid-19 คลี่คลาย รวมถึงการฟื้นตัวของรายได้การให้เช่าพื้นที่โฆษณา/ร้านค้าปลีกใน Metro Mall สำหรับการดำเนินงานช่วงถัดไป แม้ว่าเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ปริมาณจราจรของBEM* และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT จะลดลง MoM จากวันหยุดยาว แต่ YoY ยังฟื้นตัวดี +double digit% นอกจากนี้ 2Q66 คาดว่าจะดีต่อเนื่อง YoY QoQ จากแรงหนุนการรับเงินปันผล(TTW, CKP) และค่าไฟที่ลดลง ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ BEM* จะโตต่อเนื่องจากปี 65 มาอยู่ที่ 3,477 ลบ. (+42%YoY) และ 4,421 ลบ.(+27%YoY) ตามลำดับ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1