นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าลงทุนถือหุ้น ธุรกิจโปรดักชั่นเฮาส์ประเทศเวียดนาม สำหรับสัดส่วนการถือหุ้นคาดจะไม่เกิน 20% ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจารายละเอียดการลงทุน หากเป็นไปตามแผน คาดการลงทุนดังกล่าวจะสร้างฐานธุรกิจโปรดักชั่นต่างประเทศให้กับบริษัทอีกด้วย
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมโฆษณาในประเทศไทยมองว่ายังทรงตัว โดยลูกค้าไม่ได้ลงทุนหวือหวา ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ทำโฆษณาคือกลุ่มแพลตฟอร์มออนไลน์ช็อปปิ้ง ซึ่งทำการตลาดและโปรโมตโปรโมชั่นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีงานภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้
ส่วนลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศ ปัจจุบันยังไม่เห็นการลงทุนเพิ่มเติม เพราะลูกค้าอาจรอดูสถานการณ์ในประเทศเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับการลงทุนทำโฆษณาอย่างจริงจัง
ขณะที่ทิศทางไตรมาส 2/2566 บริษัทคาดจะเติบโตดี เพราะไตรมาส 2/2565 จะรับรู้รายได้จากการเข้าลงทุน บริษัทใหม่ Post Production ภาพเคลื่อนไหว และธุรกิจตัวแทนโฆษณา (Advertising Agency) เต็มไตรมาส เพราะบริษัทเริ่มรับรู้รายได้หลังเข้าลงทุนบริษัทจากทั้ง 2 บริษัท คือ บริษัท Post Production ภาพเคลื่อนไหว และธุรกิจตัวแทนโฆษณา (Advertising Agency) ได้เพียงเดือนสุดท้ายเดือนเดียวในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
“บริษัทที่เราเข้าไปลงทุนมีงานต่อเนื่อง ส่วนมีมากน้อยแค่ไหน ต้องรอไปดูรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนการรับรู้รายได้ก็จะรับรู้ตามการส่งงาน สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/2566 น่าจะดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2566 เพราะไตรมาสที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายในการเข้าลงทุนบริษัทใหม่ แต่ไตรมาส 2/2566 ไม่มีแล้ว และเราจะรับรู้รายได้จากการลงทุนเข้ามาเต็มไตรมาส”นางสาวสุวรรณี กล่าว
บริษัทมองภาพรวมรายได้ปีนี้ จะเติบโตได้ตามเป้า หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 450 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากบริษัทประมาณ 400 ล้านบาท และจากบริษัทใหม่ Post Production และธุรกิจตัวแทนโฆษณา รวมราว 50 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินทิศทาง บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE ว่า ด้วยภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นมากจากอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค โอเปอเรเตอร์ค่ายต่างๆ บริการโอทีที (บริการเนื้อหาวิดีโอโดยการสตรีมผ่านอินเทอร์เน็ต) อุตสาหกรรมยานยนต์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซที่กลับมาดำเนินกิจกรรมด้านการขายและการตลาดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การผ่อนปรนมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ประกอบกับแผนขยายงานออนไลน์โปรดักชั่นในต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมที่ให้บริการเพียงภาพนิ่งเป็นหลัก Synergy จากพันธมิตรใหม่ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น 13% เป็น 450 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของผู้บริหาร การปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจากเดิม 29.5% เป็น 30% (Conservative เมื่อเทียบกับระดับ 34% ในช่วง 4Q/65) ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% เป็น 67 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 29% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน เติบโตต่อเนื่องแม้ว่าในปี 2565 เติบโตสูง 83% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมเป็น 7 บาท ประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้ Prospective PER เท่ากับ 30x ตามเดิม ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2564-66 (PER เฉลี่ยกลุ่ม Media ในตลาด SET = 34x) ซึ่งยังมี Upside
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม