#TPIPP #ทันหุ้น – TPIPP รับอานิสงส์ค่า Ft-ต้นทุนถ่านหินลดลงดันมาร์จิ้นพุ่ง มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 13,500 ล้านบาท พร้อมเตรียมโกยรายได้ขายคาร์บอนเครดิต และ REC มองราคาซื้อขายดีขึ้นจากปีก่อน ปักธงปีหน้ามี PPA เพิ่มไม่ต่ำกว่า 125 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 440 เมกะวัตต์ พร้อมศึกษาลงทุนโครงการพลังงานทดแทนต่อเนื่อง

นายวรวิทย์  เลิศบุษศราคาม  รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า สำหรับปี 2566 จะเป็นปีของการฟื้นตัวของบริษัท หนุนโดยการปรับค่าไฟฟ้าแปรผัน หรือ ค่า Ft (Float Time) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ต้นทุนราคาถ่านหินที่ลดลง และคาดว่าจะเห็นการลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 2/2566 และไตรมาส 3/2566 นี้

พร้อมกันนี้ได้มีการติดตั้งบอยเลอร์ หรือ หม้อไอน้ำใหม่ ทำให้การผลิตดีขึ้น โดยปัจจัยบวกทั้งหมดดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบจากโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่หมด Adder และมีรายได้หายไปราว 960 ล้านบาท แต่ปัจจัยบวกจากการต้นทุนต่างๆ ทำให้บริษัทได้มาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้นมากกว่ารายได้ที่ลดลงมาก ดังนั้นปีนี้ยังจะเห็นผลประกอบการฟื้นตัวได้โดดเด่น

*ปีแห่งการฟื้นตัว

“บริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในปีที่ผ่านมาในช่วงไตรมาส 1/2566 ก็ทำผลประกอบการได้ดี มีกำไรเพิ่มขึ้น ก็จากปัจจัยเรื่องค่า Ft ที่เข้ามาช่วย หากมองไปข้างหน้าปีนี้ ก็จะทำให้ค่า Ft ยังไงก็มากกว่าปีก่อน และมีการลดต้นทุนด้านอื่นๆ ด้วย ปีนี้จึงเป็นปีของการลดต้นทุน ให้ภาพรวมมาร์จิ้นกลับมาได้ดี และมีโอกาสที่จะเติบโตได้ในปี 2567 ต่อไป” นายวรวิทย์ กล่าว

ดังนั้นยังคงเป้าตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 13,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 10,618.7 ล้านบาท โดยรายได้หลักจะมาจาก ธุรกิจโรงไฟฟ้าราว 12,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากธุรกิจกำจัดขยะและผลิตเชื้อเพลิง RDF โดยปีนี้ทุกธุรกิจมีการฟื้นตัวขึ้น อย่างโรงไฟฟ้ามีการใช้กำลังการผลิตมากขึ้น

ส่วนโครงการบริหารจัดการโครงการระบบกำจัดขยะมูลฝอย ระยะที่ 2 เทศบาลนครราชสีมา กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี อยู่ระหว่างลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ส่วนโครงการกำจัดขยะมูลฝอย องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้รับรายได้จากค่าขายไฟฟ้าจากกำจัดขยะมูลฝอยตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 7.92 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว จะมีการขายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบปี 2567 และยังมีโครงการโซลาร์ที่จะ จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบด้วย ดังนั้นปี 2567 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า หรือมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) ราว 125 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีการขายไฟฟ้าที่ 440 เมกะวัตต์

*ศึกษาพลังงานทดแทน

ขณะเดียวกันยังเดินหน้าศึกษาโครงการพลังงานทดแทนต่อเนื่อง ตามแผนกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ และศึกษาจะขยายไปยังโครงการ IPS (Independent Power Supply) คือ โรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองและ/หรือขายตรง โดยจะเริ่มดำเนินการให้กับโรงงานภายในกลุ่มบริษัทก่อนและยังมองโอกาสที่จะขยายไปยังโรงงานอื่นๆ ในนิคมอุตสาหกรรม

ส่วนเรื่องของคาร์บอนเครดิต มีการขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) แล้วและมีเครดิตสะสม เพื่อที่จะสามารถนำไปขาย กว่า 1.2 ล้านตันคาร์บอน และยังได้มีการขึ้นทะเบียนรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) ปัจจุบันบริษัทมี REC ราว 4 แสน และยังมีที่จะต้องขึ้นทะเบียนรับรองเพิ่มเติมอีก โดยบริษัทมองว่าราคาซื้อขายมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว จากปีที่ผ่านมา และอย่างคาร์บอนเครดิตหากประเทศไทยมีการขึ้นทะเบียนเป็นระดับสากลมากขึ้น ก็จะส่งผลให้แนวโน้มการขายคาร์บอนเคริตของบริษํทได้ราคาดีด้วย

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1