> SET > VGI

26 พฤษภาคม 2023 เวลา 13:01 น.

บริษัทร่วมดึง VGI ขาดทุนหนัก หยวนต้าปรับเป็น "Under Review"

#VGI #ทันหุ้น - บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เผยผลงาน 12 เดือน ขาดทุน 65 ล้านบาท เผยส่วนแบ่งขาดทุนจากส่วนแบ่งรายได้บริษัทร่วม 438 ล้านบาท ฉุดผลประกอบการ  บล.หยวนต้า ลดคำแนะนำ VGI เป็น Under Review  ชี้ผลงานไตรมาสล่าสุดขาดทุน 260 ล้านบาท มาจากขาดทุนส่วนแบ่งเงินลงทุนใน KEX และ JMART ถึง 192 ล้านบาท บล.บัวหลวง แนะรอสัญญาณของการฟื้นตัวของผลประกอบการหลักที่ชัดเจนก่อนจะเข้าลงทุน บล.กรุงศรีพัฒนสิน มองต่าง แนะนำ “ซื้อ” ชี้ราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายจนราคาถูก ต่อให้ตัดมูลค่า KEX และ JMART ออกไป แค่มูลค่าของ VGI อย่างเดียวก็เกินกว่าราคาหุ้นในปัจจุบัน


บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI แจ้งผลการดำเนินงานงวด 12  เดือน ปี 65/66 ขาดทุนสุทธิ 64.88 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.006 บาท เทียบกับปี 64/65 มีขาดทุนสุทธิ 120.26 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.014 บาท

บริษัทชี้แจงว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2565/66 VGI มีรายได้จากการให้บริการและการขายเพิ่มขึ้น 16.6% YOY มาอยู่ที่ 4,889 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของสื่อโฆษณานอกบ้านและการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจบริการด้านดิจิทัล ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านมีรายได้ 1,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6%YoY, ธุรกิจบริการด้านดิจิทัลมีรายได้ 1,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9% YoY,  ธุรกิจการจัดจำหน่ายมีรายได้ 1,512 ล้านบาท


ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า และบริษัทร่วมจำนวน 438 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของผลการดำเนินงานของธุรกิจโลจิสติกส์ ส่งผลให้ VGI มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 65 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมส่วนแบ่งผลขาดทุนจากเงินลงทุน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 373 ล้านบาท


การซื้อขายหุ้น VGI วันที่ 26 พ.ค. ปิดช่วงเช้าที่ 3.24 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือลดลง 3.57% มูลค่าการซื้อขาย 60.77 ล้านบาท ระหว่างวันราคาอยู่ในกรอบ 3.20-3.36 บาท ราคาหุ้นในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ 3.02-5.40 บาท


บล.หยวนต้าปรับปรับคำแนะนำเป็น "Under Review"

บล.หยวนต้า ระบุว่าผลการดำเนินงาน VGI ไตรมาส 4/65-66  ขาดทุนมากกว่าตลาดคาด โดย VGI รายงานขาดทุนปกติที่ 260 ล้านบาท ขาดทุนมากกว่าที่เราและตลาดคาด จากส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม KEX และ JMART ที่ 192 ล้านบาท สูงกว่าคาดมาก ขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 94 ล้านบาท ในไตรมาส 3/65-66 และขาดทุน 90 ล้านบาท ในไตรมาส 1/65-66 จากผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลงของทาง KEX และ JMART

อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของกลุ่มแรบบิทในการจัดโปรโมชั่น และการทำการตลาดที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วน SG&A /Sales เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 44.6% จากค่าใช้จ่ายการขยายธุรกิจ RCare และ RCash ที่เพิ่มขึ้น

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.9% ลดลง QoQ จาก 34.3% ในไตรมาส 3/65-66 แต่เพิ่มขึ้นจาก 18.5% ในไตรมาส 1/65-66 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจบริการจัดจำหน่าย (Fanslink) ที่มีอัตราการทำกำไรต่ำ


บล.หยวนต้ามีมุมมองเป็นลบต่อผลประกอบการไตรมาส 4/65-66 ที่ทำได้แย่กว่าตลาดคาดมาก ซึ่งระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสปรับลดลงจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดประมาณการลง

แนวโน้มไตรมาส 1/66-67(สิ้นสุด มิ.ย.66 คาดผลประกอบการธุรกิจหลัก สื่อโฆษณานอกบ้านจะเติบโต QoQ และ YoY ตามการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้าน และสื่อบนระบบขนส่ง สะท้อนจากจำนวนผู้โดยสาร BTS คาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนเทียบเท่ากับช่วงก่อน COVID-19


อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่ากังวล คือ ส่วนแบ่งเงินลงทุนจากบริษัทร่วมที่แย่กว่าที่เราและตลาดคาด ทั้ง KEX และ JMART ที่มีผลขาดทุนต่อเนื่อง เราอยู่ระหว่างทบทวนปรับลดประมาณการปี 2566/67 สิ้นสุด มี.ค.67) จากเดิมเราคาดกำไรงวดปี 2566/67 จะพลิกฟื้นเป็นกำไร 592 ล้านบาท  โดยจะมีประชุมกับทางบริษัทเพื่ออัพเดทแนวโน้ม แผนการดำเนินงานธุรกิจ และความเป็นไปได้ของการปรับสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วม ซึ่งเรามองว่ามี Downside Risk ในการปรับประมาณการลง จึงปรับคำแนะนำเป็น "Under Review"


บล.บัวหลวงแนะ รอผลงานฟื้นตัวก่อนเข้าลงทุน

บล.บัวหลวง ระบุว่า VGI ขาดทุนหลักแย่กว่าที่เราคาด 41% VGI รายงานขาดทุนไตรมาส 4/65 ที่ 260 ล้านบาท (เดือน ม.ค. - มี.ค. 2566) ขาดทุนมากขึ้น 477% YoY และพลิกเป็นขาดทุน QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ขาดทุนหลักจะอยู่ที่ 285 ล้านบาท ขาดทุนมากขึ้น 116% YoY และ 737% QoQ ซึ่งแย่กว่าที่เราคาด 41% และแย่กว่าตลาดคาด 187%


รายได้ไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY แต่ลดลง 10% QoQ ซึ่งรายได้สื่อนอกบ้านโดยรวมทรงตัว QoQ แต่ลดลง 23% QoQ แบ่งเป็นกลุ่มสื่อระบบขนส่งสาธารณะ ลดลง 1%YoY และ 18% QoQ ขณะที่สื่อในสำนักงานและอื่นๆปรับตัวขึ้น 13% YoY แต่ลดลง 65% QoQ


รายได้สื่อติจิทัลขยายตัว 41% YoY และ 11% QoQ หนุนจากการสร้างโอกาสในการขายและค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้นของ Rabbit Group และ Rabbit Care รายได้จากการค้าปลีกอยู่ที่ 354 ล้านบาท ลดลง 26% YoY และ 7% QoQ เนื่องจากสัดส่วนสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก Fanslink หันไปโฟกัสการขายสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูง

การลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมรายงานขาดทุนที่192 ล้านบาท ติดลบหนักขึ้น 114% YoY และ 106% QoQ ซึ่งโดยหลักมาจาก KEX (การแข่งขันที่สูงขึ้นกดดันให้ KEX ต้องใช้กสยุทธ์ด้านราคาที่มากขึ้นเพื่อคงสถานะผู้นำตลาด)


แนวโน้ม

อิงจากการฟื้นตัวของจำนวนสายตาที่แข็งแกร่งของสื่อนอกบ้าน เราคาดเม็ดเงินโฆษณาสำหรับสื่อนอกบ้านจะขยายตัวขึ้นในไตรมาส 1/66 (เดือน เม.ย. - มิ.ย. 2566) ซึ่งขาดทุนหลักของ VGI น่าจะดีขึ้น QoQ รายได้สื่อนอกบ้านที่ดีขึ้นจากปัจจัยทางฤดูกาลและการขาดทุนที่ลดลงของ KEX รวมถึงการฟื้นตัวของ Fanslink จะหนุนกำไรในไตรมาส 1/66


ขาดทุนในไตรมาส 4/65 ส่งผลให้เราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2566 ลงจาก 270 ล้านบาทมาเหลือ 104 ล้านบาท (ยังคงพลิกกลับเป็นกำไร YoY)


VGI ได้ขยายตัวไปในหลายธุรกิจ ซึ่งเราเชื่อว่าจำเป็นต้องใช้เวลา เรามองว่าจะดีกว่าถ้ารอสัญญาณของการฟื้นตัวของผลประกอบการหลักที่ชัดเจนก่อนจะเข้าลงทุน


บล.กรุงศรีฯมองตัดมูลค่า KEX-JMART ออก VGI ยังน่า”ซื้อ”

บล.กรุงศรีพัฒนสิน ระบุว่า VGI ขาดทุนหนักถึง 260 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากผลขาดทุนของ KEX และ JMART โดย VGI มีผลขาดทุนจากธุรกิจหลักธุรกิจหลัก 127 ล้านบาทในไตรมาส 4/65-66 และจากที่มีกำไรจากธุรกิจหลัก 12 ล้านบาทในไตรมาส 3/65-66 ซึ่งผลประกอบการออกมาต่ำกว่าทั้งประมาณการของเรา และของนักวิเคราะห์ในตลาด เนื่องจาก KEX ขาดทุนหนักขึ้น โดยในไตรมาสนี้ ผลขาดทุนจากบริษัทร่วมอยู่ที่193 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ เพราะบริษัทร่วมหลัก ๆ ซึ่งได้แก่ KEX (VGI ถือหุ้น 15.45%) และ JMART (VGI ถือหุ้น 13.6%) ขาดทุนหนักทั้งคู่ในไตรมาสนี้ โดย KEX ขาดทุน787 ล้านบาท (จากที่ขาดทุน 491 ล้านบาทในไตรมาส 1/65) และ JMART ขาดทุน 294 ล้านบาท (จากที่มีกำไร 325 ล้านบาทในไตรมาส 1/65)


สำหรับธุรกิจสื่อ OOH เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวขึ้นไนไตรมาส 1/66-67 เนื่องจากอุปสงค์ pent-up demand ที่อั้นมาจากในไตรมาสก่อนหน้า และผลจากปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตามบริษัทย่อย ซึ่งได้แก่ Fans link และบริษัทร่วม ซึ่งได้แก่ JMART และ KEX กำลังเผชิญภาวะที่ท้าทาย ซึ่งเรามองว่าเหมือนจะยังไม่มีทางออกในระยะสั้นถึงกลาง ทั้งนี้ เราจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มของบริษัท และบริษัทในเครือในการประชุมนักวิเคราะห์ที่บริษัทจะจัดในวันอังคารหน้า (30 พ.ค.) ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดเป้าหมายทางการเงินในปีบัญชี 67 โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 20-30% เป็น 6.0-6.5 พันล้านบาท และตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิ (net margin) ที่ 10% ซึ่งจะคิดเป็นกำไรสุทธิที่ 600-650 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการของเราที่ 484 ล้านบาท


ราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายไปแล้ว แนะนำ “ซื้อ” VGI เนื่องจากราคาหุ้นถูก ถึงแม้ว่าผลประกอบการของ VGI ในไตรมาสล่าสุดจะอ่อนแอมาก และแนวโน้มข้างหน้าก็ดูไม่สดใส จากภาพธุรกิจที่ยังแย่อยู่ของบริษัทในเครือ แต่อย่างที่เราระบุไว้ในบทวิเคราะห์ฉบับที่แล้ว ว่าต่อให้ตัดมูลค่าของบริษัทร่วม (KEX และ JMART) ออกไป แค่มูลค่าของ VGI อย่างเดียวก็เกินกว่าราคาหุ้นในปัจจุบันแล้ว


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X