#NER #ทันหุ้น – NERรับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่าไตรมาส 2/2566 อานิสงส์ภัยแล้ง ราคายางขาขึ้นหนุน แย้มตุนออเดอร์ล่วงหน้าไปถึงต้นไตรมาส 4/2566 พร้อมคุยลูกค้าอินเดีย-จีนต่อเนื่อง เชื่อครึ่งปีหลังมีโอกาสเห็นลูกค้าใหม่ ย้ำเป้ายอดขายปีนี้แตะ 5 แสนตัน ด้านโบรกมองปันผล 6-7% คาดผลประกอบการที่ค่อยๆ ฟื้นตัว เคาะมูลค่าเหมาะสม 7.10 บาท

นายชูวิทย์  จึงธนสมบูรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER  เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/2566 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2566 โดยได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า อีกทั้งราคายางก็ยังรักษาระดับได้จากสถานการณ์ภัยแล้ง ทำให้เกิดการสต็อคยางมากขึ้น แต่ในขณะที่ซัพพลายยังอยู่ระดับเท่าเดิม

นอกจากนี้ยังมีออเดอร์เข้ามาต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้าแล้วไปถึงต้นไตรมาส 4/2566 ขณะที่ลูกค้าปัจจุบันก็มีการเจรจากับลูกค้าอินเดีย - จีน ต่อเนื่อง และคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มอีก

*ย้ำยอดขาย 5 แสนตัน

พร้อมกันนี้ เป้าหมายการเติบโตปี 2566 ว่าบริษัทยังมุ่งเน้นการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายรายทั้งในประเทศจีน สิงคโปร์ อินเดีย และไทย เพื่อให้บริษัทมียอดขายเติบโตเป็น 500,000 ตันตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วที่มียอดขาย 446,090 ตัน โดยการเติบโตมาจากการเปิดประเทศของจีนที่ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันทำให้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะลดต้นทุนการผลิตในการดำเนินงาน เนื่องจากการขยายกำลังการผลิตทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economic of Scale) ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ภายในโรงงานได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงจะมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ภายในโรงงานแห่งที่ 3 เพื่อลดต้นทุนพลังงานเพิ่มเติมด้วย มีกำลังการผลิตรวมกว่า 5 เมกะวัตต์ อีกทั้งบริษัทยังเดินหน้าในเรื่อง ESG เพื่อเดินหน้ากระบวนการลดคาร์บอน รวมไปถึง การทําสอบ teasibilityร่วมกับลูกค้ายางรถยนต์รายใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าทราบถึงแหล่งที่มาของยาง กระบวนการต่างๆ ซึ่งเป็นนโยบายที่บริษัทยางหลายบริษัทดำเนินการ

อีกทั้งยังเดินหน้าขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทยางแท่งและยางแท่งผสม โดยการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตัน ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงที่ดิน ซึ่งคาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จและเริ่มมีรายได้ในปี 2567 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 688,400 ตันต่อปี

*ปันผลสูง 6-7%

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง NER ว่า ด้วยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 ที่ออกมาเพียง 314 ล้านบาท และแม้ว่าแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/2566 จะเห็นการเติบโตได้เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 ทั้งในแง่ราคาและปริมาณขาย ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ แต่ด้วยแนวโน้มราคายางที่โดยเฉลี่ยต่ำกว่าปีก่อน จึงปรับราคาขายเฉลี่ยลงจากเดิมที่ 6% เหลือ 52.6 บาทต่อกิโลกรัม

ทำให้ประเมินกำไรสุทธิลดลงจากเดิม 16% มาอยู่ที่ 1,640 ล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อน แต่ด้วยผลตอบแทนเงินปันผลที่ระดับ 6-7% จ่ายปีละ 2 ครั้ง รวมกับผลประกอบการที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ยังคงคำแนะนำซื้อ เช่นเดียวด้วยมูลค่าเหมาะสมที่ 7.10 บาท

อีกทั้งธุรกิจปลายน้ำที่ NER ตั้งใจจะขยายไปยังธุรกิจผลิตแผ่นยางปูรองนอนนั้น ล่าสุดมีการปรับแผนใหม่ โดยมีการเพิ่มสินค้าให้รองรับลูกสุกรด้วย ซึ่งช่วงแรกจะเจาะตลาดในประเทศก่อน รวมถึงเตรียมคุยกับผู้ผลิตรายใหญ่จากเยอรมนีในการรับจ้างผลิตสำหรับตลาดในเอเชียเพิ่ม ทั้งนี้ด้วยมูลค่าไม่มากนัก ช่วงแรกเดือนละ 1-2 ล้านบาท ทำให้ไม่ได้รวมไว้ในประมาณการแต่อย่างใด

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1