#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ส่องหุ้น "กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม" คาดว่าอุปสงค์การลงทุนที่ฟื้นตัวขึ้นจะหนุนอุปสงค์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม และส่งผลดีต่อ Amata Corporation (AMATA.BK/AMATA TB)* และ WHA Corporation (WHA.BK/WHA TB)* ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม มองว่าการจะทำยอดขายที่ดินให้สูงต่อในปีหน้าเป็นเรื่องท้าทาย และอาจจะเป็นประเด็นที่จำกัด upside ของราคาหุ้น หลังจากที่วิ่งขึ้นมาแล้วถึง 30% จากปี 2564 คงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ Neutral และคงคำแนะนำถือทั้ง AMATA (ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท) และ WHA (ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท)
สำหรับยอดขอและอนุมัติสิทธิประโยชน์ BOI ของไทยเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยอดยื่นขอสิทธิประโยชน์การลงทุนในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 77% YoY เป็น 1.85 แสนล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น, มีการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง และ มีการย้ายฐานการผลิตจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ในขณะเดียวกัน ยอดอนุมัติสิทธิประโยชน์ BOI พุ่งสูงขึ้นถึง 171% YoY เป็น 2.40 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อแยกตามทำเลที่ตั้ง พบว่าอุปสงค์การลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ยังคงแข็งแกร่งและคิดเป็น 54% ของยอดขอ BOI และ 62% ของยอดอนุมัติ BOI โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังคงเป็นกลุ่มหลัก คิดเป็นประมาณ 50% ของยอดขอ และ 30% ของยอดอนุมัติ
อุปสงค์การลงทุนจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ฟื้นตัวขึ้น โดยในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ยอดขอ BOI ของ FDI เพิ่มขึ้นถึง 115% YoY เป็น 1.55 แสนล้านบาท ในขณะที่ยอดอนุมัติ BOI อยู่ที่ 1.75 แสนล้านบาท (+151% YoY) อุปสงค์การลงทุนจากจีนและญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง โดยการลงทุนจากสองประเทศนี้ยังอยู่ในห้าอันดับแรกของทั้งยอดขอ และยอดอนุมัติ ซึ่งเมื่อแยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังมีสัดส่วนสูงที่สุดที่ 60% ของยอดขอ BOI ของ FDI และ 43%ของยอดอนุมัติ BOI ของ FDI
คาดว่าอุปสงค์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวขึ้น โดยยอดขายที่ดินของ Amata Corporation (AMATA.BK/AMATA TB)* และ WHA Corporation (WHA.BK/WHA TB)* ทยอยขยับเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ 2H65 โดยยอดขายที่ดินของ AMATA ใน 2H65 เพิ่มขึ้นเป็น 520 ไร่ (จาก 170 ไร่ใน 1H65) ในขณะที่ยอดขายที่ดินของ WHA ใน 2H65 เพิ่มขึ้นเป็น 1,400 ไร่ (จาก 500 ไร่ใน 1H65) ฝ่ายวิจัยคาดว่าอุปสงค์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมน่าจะใช้ได้ในปีนี้จากการฟื้นตัวของอุปสงค์การลงทุน ซึ่งเราคาว่าทั้ง AMATA และ WHA จะสามารถจับอุปสงค์การลงทุนได้จากพอร์ตลูกค้าที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ลูกค้าจีนคิดเป็นประมาณ 35% ของลูกค้า AMATA และ 30% ของลูกค้า WHA ในขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เฉลี่ยประมาณ 10% ของลูกค้าทั้งสองบริษัท เราได้ใส่อุปสงค์ดังกล่าวเข้าไว้ในสมมติฐานของเราเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่ายอดขายที่ดินในปี 2566F ของ AMATA จะอยู่ที่ 1,000 ไร่ (บริษัทตั้งเป้าไว้สูงถึง 2,250 ไร่) และของ WHA จะอยู่ที่ 2,050 ไร่ (บริษัทตั้งเป้าเอาไว้เพียง 1,750 ไร่)
ราคาหุ้นเหมือนจะสะท้อนแนวโน้มบวกข้างหน้าไปเรียบร้อยแล้ว ราคาหุ้นทั้ง AMATA และ WHA วิ่งขึ้นมาแล้วถึง 30% และ 35% ตามลำดับ จากต้นปี 2564 (หลังจากที่ยอดขายที่ดินผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วที่ 212 ไร่ ในกรณีของ AMATA และ 510 ไร่ในกรณีของ WHA) ทั้งนี้ ยอดขายที่ดินที่ต่ำมากในปี 2563 เป็นเพราะมีการใช้มาตรการ lockdown ในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ฝ่ายวิจัยคิดว่าเป็นความท้าทายที่จะทำสถิติยอดขายที่ดินใหม่อีกจากปี 2567F เพราะลูกค้าต้องพิจารณาแผนการขยายธุรกิจ (อย่างน้อย 3-5 ปี) สำหรับการลงทุนซื้อที่ดินครั้งแรก ซึ่งหมายความว่าอุปสงค์ที่ดินขนาดใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมอาจจะลดลงในปีต่อๆไป ดังนั้น ภาวะบวกที่จะขับเคลื่อนราคาหุ้นจึงอาจจะถูกกดโดยยอดขายที่ดิน
ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ เท่ากับตลาด และคงคำแนะนำหุ้น AMATA (ถือ ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท) และ WHA (ถือ ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท)
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk), เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ภัยธรรมชาติ, การซื้อที่ดิน, การกระจุกตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม, เงินทุนไม่เพียงพอ
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม