02 มิถุนายน 2023 เวลา 06:40 น.
#ทันหุ้น - แม้จะมีความกังวลต่อผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ แต่หลักทรัพย์บัวหลวง ยังคงมองว่าราคาหุ้น CPALL ที่ปรับตัวลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นโอกาสในการ “ซื้อ” จากคาดการณ์การเติบโตของกำไรเป็นตัวเลขสองหลักได้ต่อเนื่องหลายปี
สำหรับมุมมองในระยะกลางถึงระยะยาว นอกเหนือจากการบริโภคที่ฟื้นตัว, ภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ไม่น่าจะสูงไปกว่านี้แล้ว (ของ MAKRO)จะหนุนธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2566 เราเชื่อว่าความสามารถในการปรับตัวของ CPALL เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในช่วงหลังโควิด-19 เราคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิในปี 2566-2568 จะอยู่ ที่ 24% นอกจากการเติบโตของบริษัทย่อยแล้ว กำไรจากการดำเนินงานของ CPALL เพียงอย่างเดียวจะเพิ่มขึ้น หนุนโดยยอดขายและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันยังได้ผลดีจากกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ บริการจัดส่งและการเปลี่ยนรูปแบบของร้าน 7-Eleven ไปสู่ร้านสแตนด์อโลน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายที่ร้านค้า นอกจากนั้นยอดขายจากบริการจัดส่ง ปัจจุบันคิดเป็น 10% ของยอดขายทั้งหมด (จากไม่มียอดขาย Delivery ในช่วงก่อนโควิด-19) และร้านค้าแบบสแตนด์อโลนคิดเป็น 50% ของร้านค้า 7-Eleven กลยุทธ์ทั้งหมดนี้เป็นตัวอธิบายว่าทำไมส่วนแบ่งทางการตลาดและยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิลที่7-Eleven เพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อปลายเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ทีมResearchของหลักทรัพย์บัวหลวง มีโอกาสไปเยี่ยมชมกิจการ 7-Eleven ของ CPALL ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่ง CPALLได้รับใบอนุญาตมาสเตอร์แฟรนไชส์ สำหรับประเทศกัมพูชาในปี 2563 ปัจจุบันมีสาขา 56 แห่งในประเทศ (23 แห่งอยู่ในพนมเปญ) โดย 53 แห่งบริหารโดยแฟรนไชส์ ร้าน 7-Eleven ในกัมพูชามีรูปลักษณ์และความรู้สึกคล้ายกับร้านในไทยมาก แต่มีจำนวนลูกค้า700 รายต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าในประเทศไทยดังนั้น 7-Eleven น่าจะยังเห็นการเติบโตได้จากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นควบคู่กับการขยายตัวของเมืองและรายได้ที่เพิ่มขึ้น CPALL ตั้งเป้าขยายสาขาในกัมพูชาให้ได้ถึง 200 แห่งภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าการดำเนินการจะถึงจุดคุ้มทุน
สำหรับผลกระทบกับข้อกังวลของตลาดต่อนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เราลองคำนวณความเป็นไปได้ของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของแต่ละนโยบายกับกำไรของ CPALL ในปี 2567 จากนโยบายต่างๆ การเสนอค่าแรงขั้นต่ำและภาษีเงินได้นิติบุคคลอาจเป็นอุปสรรคต่อ CPALL แต่ในทางกลับกันราคาไฟฟ้าที่ลดลงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุน CPALL ถ้าคิดถึงความเป็นไปได้ทั้ง 2 ด้าน การวิเคราะห์ของเราบ่งชี้ให้เห็นว่าราคาหุ้นของ CPALL สะท้อนผลกระทบกรณแย่สุดไปแล้ว
ส่วนเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทน มองว่ายังคงน่าสนใจเรายังคงชอบหุ้น CPALL จากความสามารถในการปรับตัวและศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าหุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 33.3 เท่า แต่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิในปี 2566-2568 ที่มากกว่า 20% ส่งผลให้ PER ปี 2567 อยู่ที่ 26.3 และปี 2568 อยู่ที่ 21.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 31.2 เท่ามาก
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม