> SET > JMART

02 มิถุนายน 2023 เวลา 10:19 น.

JMART บริษัทลูกดึงลง โบรกฯ หั่นเป้าเหลือ 22 บ.

#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ส่องหุ้น บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART คิดว่าโมเดลการผนึกพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านการซื้อหุ้นบางส่วนในบริษัทเป้าหมายหลายๆ แห่งที่จดทะเบียนใน SET กำลังส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ต่อผลประกอบการของบริษัท เพราะภาวะตลาดทุนที่เป็นลบ และผลขาดทุนอย่างหนักของบริษัทในเครือบางแห่งทำให้หลายๆ ธุรกิจในเครือต้องสะดุด และต้องใช้เวลานานในการแก้ไข ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง 42%/20% และปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566F เหลือ 22 บาท (จากเดิม 34 บาท) โดยยังคงคำแนะนำถือ

ทั้งนี้ ผลขาดทุน MTM จากการลงทุนจะยังคงฉุดผลการดำเนินงานใน Q2/66F หลังจากที่บริษัทประกาศผลขาดทุนสุทธิ 294 ล้าบนาทใน Q1/66 ฝ่ายวิจัยยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวผลประกอบการของ JMART จะพลิกฟื้นได้มากนัก ภายใต้ผลขาดทุนใน Q1/66 จากส่วนแบ่งผลขาดทุนสุทธิจาก SINGER 218 ล้านบาท และผลจากทุนการบันทึกตามราคาตลาด (MTM) จากการลงทุนใน BRR และ SGC รวมกันประมาณ 440 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากราคาหุ้น SGC ยังตกหนักต่อเนื่อง QTD ส่วนราคาหุ้น BRR ทรงตัว ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่า JMART จะต้องบันทึกผลขาดทุน MTM จากการลงทุนอีก 120-130 ล้านบาท ใน Q2/66F จาก SGC


การเติบโตของกำไรจากธุรกิจหลักไม่น่าตื่นเต้น


กำไรจากธุรกิจหลักของ JMART ส่วนใหญ่ยังคงมาจาก JMT (ถือหุ้น 53.5%) ซึ่งเมื่ออิงประมาณเติบโตกำไร JMT ในปี 2566/2567 ที่ +28%/+25% คาดว่า JMT จะส่งผลกำไรสุทธิมาที่ JMART ประมาณ 1.2 พันลบ/1.5 พันลบ. ตามลำดับ ซึ่งจะช่วยชดเชยผลขาดทุน MTM ได้ ในขณะเดียวกัน มองว่าโมเมนตัมการเติบโตของกำไร J-Mobile จะชะลอตัวลงหลังจากที่ไม่สามารถเพิ่มรายได้จากการขายผ่านช่องทางของ SINGER ได้ โดยคาดว่ากำไรของ J-Mobile (ถือหุ้น 95%) จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือ 220 ล้านบาท/253 ล้านบาทในปี 2566F/2567F (จาก 360 ล้านบาทในปี 2565)


อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก BNN Restaurant (สุกี้ตี๋น้อย) จะเพิ่มขึ้นเป็น 218 ล้านบาท/253 ล้านบาทในปี 2566F/2567F (จาก 19 ล้านบาทในปี 2565) ทั้งนี้ JMART ได้เข้าไปซื้อ BNN ในปลายปี 2565 และเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรในงบ P/L ใน Q4/65


ปรับลดกำไรปี 2566F/2567F ลง 42%/20% และปรับลด TP-2566F เหลือ 22 บาท (จากเดิม 34 บาท)

คิดว่าโมเดลการผนึกพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านการซื้อหุ้นบางส่วนในบริษัทเป้าหมายหลายๆ แห่งที่จดทะเบียนใน SET กำลังส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เพราะภาวะตลาดทุนที่เป็นลบ และผลขาดทุนอย่างหนักของบริษัทในเครือบางแห่งได้ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัท


ในกลุ่มต้องสะดุด ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลานานในการแก้ไขทำให้เราปรับลดสมมติฐานสำคัญในปี 2566/2567 ดังนี้ 1) ปรับลดส่วนแบ่งกำไรเป็นขาดทุน 142 ล้านบาทในปี 2566 และเป็นกำไร 405 ล้านบาทในปี 2567 (จากเดิมประมาณเดิมที่กำไร 624 ล้านบาท/740 ล้านบาทตามลำดับ) เพื่อสะท้อนผลขาดทุนจาก SINGER ดังแสดงใน 2) ปรับลดกำไรจาก J-Mobile ลงเหลือ 220 ล้านบาท/253 ล้านบาท (จาก 400 ล้านบาท/450 ล้านบาท 3) คาดว่าจะมีผลขาดทุน MTM 370 ล้านบาทในปีนี้ และจะมีกำไร200 ล้านบาทในปีหน้า 4) ใส่ส่วนแบ่งกำไรจาก BNN ที่ 218 ล้านบาท/253 ล้านบาท (จากเดิมที่ไม่ได้ใส่ไว้) ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 25x จากประมาณการกำไรในอีกสองปีข้างหน้า ทำให้ฝ่ายวิจัยได้ราคาเป้าหมายใหม่ปี2566 ที่ 22 บาท ลดลงจากเดิมที่ 34 บาท


ผลขาดทุน MTM จากการลงทุนในบริษัทที่อยู่ภายใต้ JMART, กำไรของ JMT ไม่โตตามคาด


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X