#OSP #ทันหุ้น-บล.กรุงศรี พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP จากการที่ได้ลงนามเงินลงทุนในบริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ที่ถืออยู่ 5.85% โดยขายให้แก่บริษัท ยูนิชาร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 3 พันล้านบาท ตามราคาประเมินโดยที่ปรึกษาทางกางการเงินนั้น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางต่อดีลดังกล่าว เพราะเชิงปัจจัยพื้นฐาน คาดไม่กระทบต่อราคาเป้าหมายที่ประเมินไว้ที่ 31 บาทต่อหุ้น อย่างมีนัยสำคัญ 

ฝ่ายวิจัยกรุงศรี พัฒนสิน ประเมินดีลนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยระยะสั้นจะส่งผลดีให้ OSP มีกระแสเงินสดเข้า(ก่อนหักภาษี) ราว 3 พันล้านบาท (เทียบเท่าเพิ่มขึ้น 1.0 บาทต่อหุ้น) ส่วนข้อเสียคือดีลนี้ขายในมูลค่าไม่สูง โดยหากอิง

ตามสัดส่วนมูลค่าที่จะขาย 3.0 พันล้านบาท  (5.85% ของ บ.ยูนิชาร์มประเทศไทย) เทียบเท่า PER ปี 2565  ราว 13 เท่า  และ PBV ปี2565  ที่ 1.7 เท่า  (ต่ำกว่าของ OSP ที่ซื้อขาย PER ปี2565 ที่ 45 เท่า และ PBV ปี2565  ที่ 4.7 เท่า)  และยังมีความเสี่ยงประมาณการกำไรปี 2567 ขึ้นไปอาจเกิด downside เพราะที่ผ่านมา OSP รับรู้เงินปันผลจากบริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) เฉลี่ยราว 200-300 ล้านบาท คิดเป็น 6-7% ของกำไร OSP แต่ละปี ดังนั้นหากการลงทุนใหม่สร้างผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของยูนิชาร์ม อาจทำให้ประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 2567 ของฝ่ายวิจัยต้องปรับลงประมาณ 2-3% 

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำซื้อเก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมายที่ 31 บาทต่อหุ้น โดยชอบหุ้น OSP จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่เริ่มเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัวตลอดทั้งปีทั้งจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำกำไรที่ฟื้นตัวเร็วตั้งแต่ไตร

มาส 1/66 และส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ผ่านจุดต่ำสุด(Bottom) ไปแล้ว 

ก่อนหน้านี้ OSP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2566 ได้ลงนามในตราสารการโอนหุ้นเพื่อจำหน่ายหุ้นของบริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) ที่ OSP ถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 420,500 หุ้น หรือ 5.85% ให้แก่บริษัท ยูนิชาร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท ซึ่งประเมินราคาโดยที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว 

การจำหน่ายหุ้นของยูนิชาร์มดังกล่าวเป็นไปตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการลงทุนของกลุ่มโอสถสภา ที่มุ่งเน้นการขยายกลุ่มธุรกิจหลัก (core businesses) ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ตลอดจนกลุ่มธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางการแข่งขัน (competitive advantage)ของโอสถสภาจากธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้กลุ่มโอสถสภาสามารถจัดสรรทรัพยากรของบริษัท ให้มุ้งเน้นการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การจำหน่ายหุ้นของยูนิชาร์มในครั้งนี้ ส่งผลให้โอสถสภาได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่โอสถสภาและผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืนต่อไป

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1