19 กันยายน 2023 เวลา 06:10 น.
#ทันหุ้น - เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1530 หลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1550-1555 แต่ไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ แต่ถ้าปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวกว่า 1530 จะมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1515 และ 1500
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ CPAXT หรือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจค้าส่งภายใต้ชื่อ แม็คโคร ในประเทศไทยและต่างประเทศ และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตรแม็คโครซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็ก อีกทั้งบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจค้าปลีกและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ โลตัส ในประเทศไทยและต่างประเทศ
ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 66 มีกำไรสุทธิ 1,515 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.14 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,572 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.15 บาท
ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 3,681 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.35 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,623 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.34 บาท
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิ 1,515.88 ล้านบาท ลดลง 3.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,572.96 ล้านบาท
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 121,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย 115,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งเพิ่มขึ้น 7.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดขายภายในสาขา และการเติบโตจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย
ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศในทุกประเทศ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ลดลง 3.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับแผนการดำเนินงาน รวมถึงการลดชั่วโมงการให้บริการในบางสาขา ทั้งนี้สัดส่วนยอดขายออนไลน์และการขายนอกร้านของบริษัทฯ และบริษัทย่อยคิดเป็น 12.4% ของรายได้จากการขาย
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.5% ของยอดขายรวม ลดลงจากปีก่อนที่ 13.7% เป็นผลหลักมาจากกลุ่มธุรกิจค้าส่งมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง ขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกมีอัตรากำไรขั้นต้น 18.0% เท่ากับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวมทั้งสิ้น 16,307 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมเท่ากับ 13.4% เพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากต้นทุนกลุ่มธุรกิจค้าส่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราค่าไฟต่อหน่วยสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสาขาตามจำนวนสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายจากการลงทุนในธุรกิจออนไลน์และการขายนอกร้าน เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมอยู่ที่ 9.1% และ 18.4% ตามลำดับมี EBITDA จำนวน 8,003 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็น 6.6% ของรายได้รวม
ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 3,681.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,623.27 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 241,834 ล้านบาท เติบโต 5.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวมเท่ากับ 230,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 10.1%
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มุ่งมั่นเพิ่มโอกาสทางการขายทั้งภายในสาขา และขายนอกร้าน โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มโอกาสทางการขายด้วยการขยายสาขาในหลากหลายรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบไปด้วย สาขาขนาดใหญ่ 8-10 สาขา สาขาขนาดกลางและขนาดเล็ก 70-80 สาขา
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ การพัฒนารูปแบบสาขาใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ด้วยรูปแบบผสมผสาน (Hybrid) ที่ดึงจุดแข็งของธุรกิจค้าส่ง แม็คโคร แหล่งรวมอาหารสดคุณภาพ ราคาประหยัด กับโลตัส ที่โดดเด่นในด้านการบริหารจัดการพื้นที่ศูนย์การค้า มาตอบโจทย์ลูกค้าทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ที่ต้องการทั้งสินค้าดีและพื้นที่ในการใช้ชีวิตที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์มาสนับสนุนกัน เพื่อดึงดูดลูกค้าทุกกลุ่ม รูปแบบ Smart Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตของคนทุกวัยในชุมชน ซึ่งได้เปิดตัวโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และปีนี้ยังได้เปิดตัวโลตัส พรีเว่ พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต และโลตัส Smart Store ที่นำเทคโนโลยีสุดล้ำมาพัฒนานำร่องร้านค้าอัจฉริยะ Pick&Go ที่โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ อีกด้วย
สำหรับแผนการขายนอกร้าน บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบออนไลน์และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตและมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ระดับภูมิภาค พร้อมทั้งเน้นการทำโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) มากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ การจัดทัพเถ้าแก่ขาย (B2B Salesforce Team) ทีมขายมากประสบการณ์กว่า 1,000 คน ที่มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มโชห่วยและร้านอาหารมากกว่า 34 ปี จึงสามารถให้บริการและแนะนำสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงตามความต้องการของธุรกิจ โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดการขายนอกร้านเป็น 15-20% ภายในปี 2567
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลังจากฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านที่ 36.00 ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับที่ 30.00-30.50 แต่ถ้าสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 36.50 ขึ้นไป จะมีแนวต้านถัดไปที่ 38.00
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม