#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัวลงต่อเนื่อง โดยมีฐานแนวรับหลักในรอบก่อนหน้าที่ 1,500-1,490 จุด โดยถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศหลังผลการประชุม FED โดยเฉพาะ Dot Plot ออกมา Hawkish กว่ารอบการประชุมเดือน มิ.ย. โดยมองดอกเบี้ยปี 2024 จะยืนสูงกว่าที่คาดการณ์เดิม ทำให้ Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้จะมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2023-24 ขึ้น แต่และปรับลดคาดการณ์ Core PCE ปี 2023 ลง แต่โดยรวมผลการประชุมยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยง
ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงถูกกดดันจากประเด็น Bond Yield เช่นกัน โดยอายุ 10 ปีขยับขึ้นทำ New High ต่อเนื่องที่ 3.26% จากทั้งโอกาสที่กนง.จะยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.5% ในการประชุมปลายเดือนนี้ รวมถึงตลาดกังวลระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP จะทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้งบประมาณสูง โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ซึ่งอาจมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะถูกปรับลด Outlook จาก Credit Rating Agency
กลุ่มพลังงานคาดว่าลดความร้อนแรงหลังราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับลงและมีความเสี่ยงกระทบจากนโยบายภาครัฐที่ต้องการลดราคาพลังงานในประเทศ ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะยังแกว่งตัวได้แข็งกว่าตลาด ได้แก่ ธนาคาร สื่อสารฯ การแพทย์ จากแนวโน้มกำไร 3Q23 ที่โดดเด่น ส่วนระยะยาวยังมองบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่มีโอกาสฟื้นตัวในระยะถัดไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาใน 4Q23-2024
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 3Q23 แข็งแกร่ง//ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมบริเวณ 1,500+- จุดไปแล้ว
หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : AOT, CPALL, CPN, NSL, TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : CPN
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท
• เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางกำไรของ CPN ใน 2H23 หลังทุกธุรกิจกลับมาปกติตั้งแต่ 1Q23 บริษัทยังมีแผนขยายศูนย์การค้า ออฟฟิศ โรงแรมและอสังหาฯภายใน 5 ปี (2023-27) ด้วยเงินลงทุน 1.35 แสนลบ. และตั้งเป้ารายได้โตเฉลี่ย 14-16% ต่อปีในช่วงปี 2023-27
• ประมาณการของเรา Conservative กว่ามากโดยคาดรายได้โตเฉลี่ย +8% CAGR สำหรับปี 2023-24 เราคาดกำไรทำ new high ที่ 1.3 หมื่นลบ. +18% y-y และ 1.4 หมื่นลบ. +9% y-y ตามลำดับ แต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 2017
• แนวรับ 64//62 บาท แนวต้าน 67//70 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed สะท้อนผลกระทบเศรษฐกิจ ของไทยถูกกระทบจากนโยบายรัฐฯ
ต่างประเทศ ผลการประชุม Fed ออกมาตามที่คาดการณ์ไว้ โดยจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปี ขณะที่ Dot plot ปี 2023 อยู่ที่ 5.6% ซึ่งตลาดรับรู้มาบ้างแล้ว จึงคาดว่าจะไม่ได้กระทบต่อตลาดหุ้นมากนักในเช้าวันนี้ แต่ในระยะยาวอาจจะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยให้เติบโตช้าลง
ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลง (ล่าสุด Brent $93.1 เหรียญ) ซึ่งเป็นมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้น
นโยบายช่วยเหลือของภาครัฐฯ ในระยะสั้นนั้น เรามองว่าโดยส่วนมากกระทบต่อตลาดหุ้นไทย อาทิ การลดค่าไฟฟ้า(BGRIM, GPSC, GULF) ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร-ปศุสัตว์ และการปรับขึ้นค่าแรง (ปีหน้า)
นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยต่อ วานนี้(20) Net Sell 2.2 พันล้านบาท
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ
Strategy
• ตลาดยังคงถูกกดดันจากนโยบายรัฐบาลอยู่ต่อไป ส่วนผลประชุม FOMC ออกมาตามคาด แต่ดอกเบี้ยสูง จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลง เรายังแนะนำให้ชะลอการลงทุน อยู่ต่อไป
• เงินบาท มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ หุ้นบวกจากเงินบาทอ่อนจะเป็นกลุ่มส่งออก แต่หุ้นที่เป็นลบ จะเป็นพวกที่มีหนี้ต่างประเทศสูง (น้ำมัน-ปิโตรเคมี-โรงไฟฟ้า) หุ้นที่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
• ผลพวงจากนโยบายรัฐบาล ยังกระทบต่อตลาดหุ้นไม่หยุด เราต้องตัดขาดทุนหุ้นในพอร์ตบางตัว เพื่อลด
ความเสี่ยงหากดัชนีฯหลุด 1500 จุด ลงไป ทำให้เรามีเงินสดในมือ 60% และเพิ่มหุ้น BGRIM ที่คาดว่าจะ rebound หลัง PTT+EGAT รับภาระค่าไฟที่ปรับลดลงมา
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น ADVANC, CRC, NYT ออก และนำ BGRIM เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย BGRIM(10%), JMT(10%), BEM(20%)
Strategy Stock Pick
BGRIM : (เป้าเชิงกลยุทธ์ 32.50 บาท) “ มีคนมารับภาระค่าไฟแทน ”
• หุ้นโรงไฟฟ้า ราคาลงมาแรงจากนโยบายลดค่าไฟ และครั้งล่าสุด คือ ลดจาก 4.45 เหลือ 3.99 บาท/หน่วย แต่ท้ายสุดให้ PTT+EGAT รับภาระไป น่าจะทำให้ความกังวลต่อ BGRIM หรือโรงไฟฟ้าอื่นๆ ลดลง ราคาน่าจะมีโอกาส Rebound ขึ้นมาได้
• ผู้บริหาร แสดงความเห็นว่า รัฐบาลจะเร่งพลักดันให้เกิดการซื้อขายไฟฟ้าเสรี ส่งเสริมให้ใช้ไฟฟ้าสะอาดและผลที่ได้ในเรื่องของคาร์บอนเครดิต เป็นบวกต่อบริษัท
• BGRIM มีกำลังการผลิตใหม่ที่รอ COD ในปี 2566 อีก 632 MW
• ประมาณการกำไรปกติปี 2023E ที่ 2.1 พันล้านบาท (+459% YoY) แนวโน้ม 2H23E คาดทรงตัว HoH แม้มีโครงการใหม่รอ COD (รวม 214MWe) แต่เข้ามาช่วงปลายปีประเมินไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
Technical: PSP, GABLE
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ถูกกดดันจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และ Fund Flow ต่างชาติชะลอตัว หลัง ธ.กลางหลัก ๆ ตรึงดอกเบี้ยสูง วางแนวรับดัชนีอิง Forward P/E ที่ 16.5X อยู่ที่ 1,480 โดยมีแนวต้าน 1,515 – 1,520 แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น BBL,KBANK,KTB,BLA,TLI จากกำไรพอร์ตลงทุนปรับดีขึ้นตาม Bond Yield
PLUS* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.25 บาท) ผู้บริหารคาดทิศทางผลการดำเนินงานใน 2H66 เติบโตต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มศักยภาพในการขยายไปยังตลาดใหม่ โดย 3Q66 จะเป็นช่วง High season ของธุรกิจ (ส่งออก-หน้าร้อนในสหรัฐฯ) ประกอบกับบริษัทออกแบรนด์สินค้าใหม่ MABU COCO น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว เริ่มส่งออเดอร์แรกใน 3Q66 และ COCO Royal น้ำมะพร้าว 100% ใน 4Q66 หนุนรายได้ปี 66 โต 20-30% สู่ระดับ 1.7 พันล้านบาท ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ 2 แบรนด์ใหม่ในปี 67 จาก 2 แบรนด์ใหม่ที่ 500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังปรับปรุงไลน์ผลิตสำหรับผลิตขวดพลาสติก PET Aseptic จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตสูงสุดเพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็น 150 ล้านขวดต่อปี ซึ่งช่วงแรกจะเดินการผลิตได้ราว 73 ล้านขวดต่อปี รองรับดีมานด์ลูกค้าในอนาคต อ้างอิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 66-67 ที่ 197 ล้านบาท -5%YoY และ 245 ล้านบาท +24%YoY
MC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 15.30 บาท) ภาพรวมผลประกอบการงบปี66(ก.ค.65-มิ.ย.66) มีแรงหนุนในสินค้าประเภทFashion จากการกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ PostCovid-19 และการกลับมาของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้กำไรสุทธิของ MC* อยู่ที่ 644 ลบ.(+32.5%YoY) ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป ทาง MC* เองวางงบลงทุนปี67(ก.ค.66-มิ.ย.67) ที่ 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ 40 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของตนเองในช่องทางห้างฯ10 สาขา และ Mc Outlet 30 สาขา วางเป้ารายได้เติบโตราว +10-17% ทั้งจาก SSSG ที่คาดว่าจะเติบโตได้ double digit% และยอดขายสาขาใหม่ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี67 และ ปี68 ของ MC* ที่ 712 ลบ.(+10.7%YoY) และ 802 ลบ.(+12.6%YoY) ตามลำดับ
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม